เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ดูเผินๆแล้วเหมือนเรื่องตลก … แต่ทุกๆอย่างมันก็มีที่มาของมัน
ตลอดการเคลื่อนไหวทางสังคม ของ ตูน บอดี้สแลมที่ผ่านมาในเวลานี้ ได้ช่วยคนไทยไปแล้วเยอะมากด้วยจำนวนบริจาคเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลที่ขาดแคลน ทั่วประเทศที่มากถึง70ล้านบาท และยังงงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อีกทั้งตลอดการวิ่งยังทำให้คนไทยกลมเกลียวกันมากขึ้น รักประเทศไทยมากขึ้น ดูได้จากกรณี สามจังหวัดชายแดนใต้ ที่เปรียบเสมือนพื้นที่ ห่างไกลซึ่ง มีผู้ไม่หวังดีหลายฝ่ายพยายามทำให้เหมือนว่าเป็นพื้นที่สุดอันตราย แต่บัดนี้ กลายเป็นพื้นที่ ที่เต็มไปด้วยความรักเปี่ยมล้น เมื่อ ตูน บอดี้สแลมเลือกที่จะเริ่มต้นการเดินทาง ในสามจังหวัดชายแดนใต้เป็นจังหวัดแรกๆ เพื่อพิสูจน์ว่า ชาวสามจังหวัดชายแดนใต้นี้ล้วนเต็มไปด้วยคนน่ารักและน่าหลงไหล ถ้าใครได้ไปเที่ยวบ้างก็จะได้รับการต้อนรับอย่างดี และ ตูน บอดี้สแลม ก็พิสูจน์แล้วว่าจริง
การวิ่งช่วยเหลือทางการแพทย์ ของ ตูน บอดี้สแลม นั้นกลายเป็นการสานมิตรภาพ ให้คนไทยทั้งแผ่นดินกลมเกลียวกันเป็นหนึ่งได้อย่างแนบแน่น นี่แหล่ะครับ “กีฬาเป็นยาวิเศษ”อย่างแท้จริง (เอาจริงๆนะ คุณตูน ทำให้ ข้าพเจ้า อยากหยิิบรองเท้าผ้าใบแล้ววิ่งตาม ความฝันของคุณตูนเช่นกัน อย่างน้อยก็ทำให้สุขภาพดี)
แต่ทว่า การวิ่งที่ว่านี้ ส่งผลทำให้ กลุ่มคนบางกลุ่ม”ไม่พอใจ” และออกมาตำหนิทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะ เครือข่าย ชังชาติ … ซึ่ง สมาชิกกลุ่มชังชาตินั้นประกอบด้วย นักวิชาการ-นักข่าว-นักเคลื่อนไหวอิสระ-พับลิคฟิกเกอร์ และ นักการเมือง
ซึ่งขบวนการชังชาติจะต้องออกมา เห่าหอน ตีปี้บในการโจมตี ตูน บอดี้สแลม นั้น เกิดมาจากหลายปัจจัย แต่โดยรวมแล้วนั้นก็คือการเสียผลประโยชน์ จากการ”ทำตัวเป็นคนดี”เด่นเกินพวกตนเองนั้นเอง ส่งผลให้ นักวิชาการ-นักข่าว-นักเคลื่อนไหวอิสระ-พับลิคฟิกเกอร์ และ นักการเมือง (ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการชังชาติ) ที่หากินกับงบประมาณ ใน”กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ” แต่ไม่มีผลงาน ต่างถูกเปรียบเทียบอย่างหนักหน่วงเมื่อ ตูน บอดี้สแลม ออกมาวิ่งเพียงไม่กี่ครั้งแต่กลับได้แรงสนับสนุน นับหลายสิบล้านบาท!
งานนี้ ความขี้อิจฉา จึงทำให้ พวก นักวิชาการ-นักข่าว-นักเคลื่อนไหวอิสระ-พับลิคฟิกเกอร์ และ นักการเมืองบางคนออกมา ด่ากกราดทั้ง โจมตี ที่ ตูน บอดี้สแลม ! และ โจมตีใส่ร้ายโรงพยาบาลที่รับเงินสนับสนุนจากโครงการของคุณ ตูน บอดี้สแลม อีกด้วย… เพื่อหวังว่า จะตัด”พระเอก”ออกจากวงการ “การกุศล”
และแน่นอนว่า ภาพลักษณ์ของตูนในเวลานี้นั้น มีลักษณะที่กลายเป็น”คนดีนอกระบบการเมือง” ที่ช่วยเหลือประชาชนได้ดีกว่า “คนในระบบการเมือง”เสียด้วยซ้ำ
จนทำให้ คนในระบบการเมือง ถูกตั้งคำถามจากประชาชนมากว่า …”นักการเมืองบางคนเป็นนักการเมืองจากระบอบเลือกตั้งมาทั้งชีวิต ยัง บำเพ็ญประโยชน์ได้ไม่เท่า คุณ ตูน บอดี้สแลม เสียด้วยซ้ำ”
งานนี้เล่นทำให้ ฝ่ายขาแซะ! รีบเร่งยัวยุ”ตูน บอดี้สแลม”ให้เล่นการเมืองในระบบเลือกตั้ง โดยทันที…ในเมื่อเตะขัดขาไมไ่ด้คงหวังครอบงำในระบบการเมืองเลยสินะครับ
โอ้ย!!! ปล่อย “ตูน บอดี้สแลม”ให้เป็นนักวิ่ง นักร้องของเขาเถอะครับ เขาจะทำบุญก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ต้องให้ใครไปเลือกตั้งเขาหรอก คุณตูนเขา”สถาปนา”ตัวเองให้เป็น”คนดี”ได้ด้วยการทำจิตอาสาในแบบของตนเอง
จะมี ระบอบเลือกตั้ง..หรือไม่มีระบอบเลือกตั้ง คุณตูนก็ทำบุญแบบของเขาอยู่ดีเพระานั้นเป็นการทำหน้าที่ของเขา
แล้ว”นักการเมืองในระบอบเลือกตั้ง”ได้ทำหน้าที่ดีพอหรือยังถึงปล่อยให้ระบบการแพทย์เสียหาย จนให้ประชาชน(อย่างคุณตูน)หันมาทำจิตอาสาช่วยประชาชนกันเองครับ!
ปล. เมื่อไหร่ พวกชังชาติจะทำงานแบบเอาเหงื่อเข้าแลกบ้างครับ เห็นแต่ทำงานจนคอแห้ง
ปล.๒. จริงๆก็มีนักการเมืองขาโหน ไปโหนตูนหาเสียงเขาตัวก็มีแล้วระวังกันด้วยครับ