ริชาร์ด เกรเนลล์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเยอรมนี จุดชนวนไม่พอใจอย่างหนักในหมู่นักการเมืองหัวซ้าย แทรกแซงการเมืองภายใน
โดยในวันเดียวกับที่เกรเนลล์ รับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเยอรมนี เมื่อ 8 พฤษภาคม เขาทวิตว่าบริษัทเยอรมนีควรเลิกทำธุรกิจกับอิหร่าน เพราะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับนี้แล้ว และเปิดประเด็นใหม่เมื่อสุดสัปดาห์ หลังให้สัมภาษณ์เวบไซต์สื่อขวาจัดว่า ภารกิจของเขาคือการปลุกพลังฝ่ายอนุรักษ์นิยมและผู้นำรัฐบาลอนุรักษ์นิยมทั่วยุโรป
เกรเนลล์ ยังสร้างความประหลาดใจเมื่อเปิดเผยว่าจะเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน นายเซบาสเตียน ครูซ ผู้นำขวาจัดของออสเตรียที่เคยวิจารณ์นโยบายผู้อพยพของเยอรมนี แต่ทูตสหรัฐระบุว่าเป็นร็อคสตาร์ นอกจากนี้ เกรเนลล์ยังพูดวิจารณ์เยอรมนีว่ากำลังสูญความน่าเชื่อด้านการทหาร เพราะจัดสรรงบกลาโหมไม่เพียงพอ
เอกอัครราชทูตสหรัฐจึงถูกกล่าวหาว่าละเมิดอนุสัญญาเจนีวา 1961 ที่นักการทูตจะต้องไม่ก้าวล่วงกิจการภายในของประเทศอื่น
มาร์ติน ชูลซ์ อดีตหัวหน้าพรรคโซเชียลเดโมแครต กล่าวว่า สิ่งที่คนคนนี้กำลังทำอยู่ ไม่เคยพบเคยเห็นในวงการทูตระหว่างประเทศ “หากทูตเยอรมนีไปพูดในวอชิงตันว่าเขาไปที่นั่นเพื่อปลุกพลังเดโมแครต คงถูกไล่ตะเพิดออกมาทันที” ชูลซ์ กล่าวด้วยว่า ทูตสหรัฐไม่ได้ประพฤติตัวสมกับทูตแต่เป็นเจ้าหน้าที่อาณานิคมขวาจัด
ท่ามกลางกระแสเดือดดาล ไฮโก มาส รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี กล่าวว่า จะขอให้ทูตเกรเนลล์ได้อธิบายการแสดงความเห็นที่เป็นประเด็น ระหว่างมาเยือนกระทรวงเป็นครั้งแรกในวันนี้ แต่ซาห์รา วาเกนเนท หัวหน้าพรรคลิงเคอ ซึ่งเป็นพรรคซ้ายจัด กล่าวว่า รัฐบาลเบอร์ลินควรขับทูตทันทีแทนเชิญมานั่งคุยและดื่มกาแฟ “คนอย่างริชาร์ด เกรเนลล์ ที่คิดว่าตนเองเป็นเจ้านายเหนือยุโรปและกำกับว่าใครควรปกครอง ก็ไม่ควรอยู่ในเยอรมนีในฐานะทูต”
กรณีขัดแย้งจากทูตใหม่ มีขึ้นขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมนีกับสหรัฐ ไม่ได้แนบแน่นเหมือนก่อน หลังจากที่ทรัมป์ฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และตั้งกำแพงภาษีเหล็กและอลูมิเนียมยุโรป ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล เคยออกปากว่ายุโรปไม่อาจพึ่งพาสหรัฐให้ปกป้องคุ้มครองอีกต่อไป และต้องกำหนดชะตาชีวิตของเรากันเอง
ด้าน ฟรานซิสกา บรานท์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญนโยบายต่างประเทศของพรรคกรีน กล่าวว่า ไม่อาจปล่อยผ่านความเห็นของเกรเนลล์ รัฐบาลทรัมป์กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายพันธมิตรข้ามแอตแลนติกและทำลายอียูจากข้างใน การให้ท้ายขบวนการฝ่ายขวาและต่อต้านสถาบันหลักในยุโรป คือการหาพวกสนับสนุนนโยบายโดดเดี่ยวนิยมและอเมริกามาก่อนของทรัมป์