หลังจากวันที่๑๔ มกราคม ๒๕๖๑ ที่ผ่านมาก็ดูเหมือนจะมีอะไรที่แจ่มชัดขึ้น โดยเฉพาะท่าทีของขบวนการ คนเสื้อแดง ที่ออกมา “ตามใบสั่ง” จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย(โพ้นทะเล) พวกเขาออกมานัดชุมนุม ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ นัดใส่เสื้อแดงทั้งแผ่นดิน เป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ เพื่อกดดันรัฐบาล คสช ตามสูดสำเร็จ คือการใช้ป่าล้อมเมือง ใช้โลกสากลกดดันประเทศไทย แต่ดูเหมือนว่าเวทมนตร์จะหมดความขลัง เพราะแทบจะเรียกมวลชนออกมาชุมนุมไม่ได้เลย โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่ ปรากฏเพียง ฟอร์ด เส้นทางสีแดง และ นาย สมบัติ บุญงามอนงค์ ที่ออกมาแสดงการเชิญชวนให้ผู้คนใส่สีแดงในวันอาทิตย์แต่แล้วก็ “แป๊ก” ไม่เป็นท่า ส่วนในต่างประเทศนั้นก็มีแต่ ขาประจำออกมา แต่มวลชนในต่างประเทศ ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด อาจเนื่องด้วยขาดสภาพคล่องทางการเงิน และ การยุติบทบาทของแดงบางกลุ่มที่ขัดผลประโยชน์กัน เรื่องนี้ทำให้สิ่งที่พวกเขาตั้งใจนั้นยากที่จะทำสำเร็จ ยิ่ง อีกทั้งการปักธงของขบวนการคนเสื้อแดงในต่างประเทศ คลุมเครือหลายจุด การโจมตีไม่มีประเด็นใหม่ นอกจากการชูประเด็น นาฬิกาหรู และการใส่ร้ายป้ายสีเชิงประวัติศาสตร์ ที่อวย คณะราษฎรจนเกินเหตุ (เช่นการอ้าง สงครามระหว่างศักดินารวมศูนย์ กับ ฝ่ายประชาธิปไตย ตั้งแต่ แปดสิบปีที่แล้ว) ทั้งนี้แกนนำเสื้อแดงหลายกลุ่มเกิดสภาวะ แย่งการนำกันเองจน เป้าหมายที่เคลื่อนไหวนั้นดูคลุมเครือ จน “หางโพล่” กันอย่างง่ายดาย เช่น การกำหนดเป้าหมายในการล้มล้าง คสช. นั้นเห็นได้ชัดว่า แกนนำเสื้อแดงส่วนนึง ระบุว่า จะต้องล้ม คสช. เป็นเป้าหมายหลักก่อน แล้วอนาคตค่อยว่ากันอีกที แต่ก็ออกมายอมรับว่าไม่สามารถทำได้ด้วยพวกตัวเอง คงต้องรอดูกระแส “คนเบื่อประวิตร” อีกที ในขณะที่ แกนนำเสื้อแดง บางคน กลับประกาศลุยเต็มพิกัดและลามปามไปถึงการตั้งเป้าทำลายสถาบันกษัตริย์กันอย่างไม่เหนียมอาย
สิ่งที่น่าสนใจ ของการชุมนุมของคนเสื้อแดงครั้งนี้คือ
๑. การ ที่จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลือกที่จะตัดตอน นายใหญ่ออกจากวงโคจรแต่เนิ่นๆว่า นายใหญ่ ทักษิน ชินวัตรไม่รู้ไม่เห็นไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่ตั้งธง ล้มล้างคสช.และ สถาบันพระมหากษัตริย์ แต่นั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่คนเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่เข้าร่วมด้วยนั้นเอง
๒.การชุมนุมในต่างประเทศ แม้ว่านายจารุงพงศ์ เรืองสุวรรณจะออกตัวเป็นแกนนำหลักในการเคลื่อนไหวทั้งหมด แต่ดูเหมือนว่าผู้ที่ประสานทั้งหมด คือนาย เอนก ชัยชนะ อดีตผู้นำองค์กรภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และเป้นผู้จ้างวานปาระเบิดใส่ศาลอาญารัชดา และ เป็นผู้จ้างวานกลุ่มขบวนการทำเว็บหมิ่นสถาบันฯ นั้นก็แปลว่ากลุ่มที่เคลื่อนไหวทั้งหมดในต่างประเทศคือ เครือข่ายล้มเจ้า ทั้งหมดนั้นเอง
๓. เรื่องของการนำเสนอ ของ นาย ใจส์ อึ้งภากรณ์ ผ่านบล๊อคส่วนตัว ที่ดูจะสวนทางกับแนวทางของพลพรรค คนเสื้อแดง(เพื่อไทยโพ้นทะเล) คือ การนำเสนอให้ ตั้งพรรคฝ่ายซ้ายจัด (คอมมิวนิส) เป็นทางเลือกใหม่นอกเหนือจากพรรคเพื่อไทย เพื่อต่อสู้กับสถาบันฯ ซึ่งเรื่องนี้ดูเหมือน นายใจส์จะยังอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ ของตนเองอยู่เนื่องๆ เพราะเป็นเรื่องที่ขัดกับแนวทางของ พรรคเพื่อไทยและ พลพรรคเสื้อแดงอีกหลายกลุ่มอย่างชัดเจน
๔. กลุ่มที่น่าจับตามองคือ กลุ่ม ของ นาย จอน อึ้งภากรณ์ ที่จงใจไม่ใส่เสื้อแดง แต่ออกมาใช้ Soft Power ผ่านพื้นที่สื่อรณรงค์ลงชื่อปลดอาวุธ คสช. ในวันเดียวกัน โดยมี เครือข่าย NGO มาร่วมสนับสนุนอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งก็ สอดคล้องกับการเคลื่อนไหว ของ นายใจส์ อึ้งภากรณ์ และ กลุ่มแดงล้มล้างสถาบันฯ ในต่างประเทศ งานนี้ก็พอจะเห็นภาพการช่วงชิงจังหวะการนำ และถล่ม คสช.ไปในตัว ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของ นาย จอน อึ้งภากรณ์ คล้ายกับ แนวทางกลุ่ม ครก๑๑๒ ที่พยายามล้ม ม.๑๑๒ ในอดีต ซึ่งก็เชื่อว่าน่าจะกลุ่มเดียวกันทั้งหมดนั้นและครับ
ทั้งนี้ถ้า ใครได้อ่าน บทความ ‘การเมือง’และ‘ไม่การเมือง’ โดย : นิธิ เอียวศรีวงศ์ ก็พอจะรู้เป้าหมาย ของ คนนวงการสายนี้ ว่าจงใจ ข้ามช็อตไปมุ่งร้ายถึงสถาบันฯอย่างชัดเจน
สรุปได้ว่า กลุ่มที่ออกมา ประกาศตัวสู้รัฐบาลเวลานี้ แบ่งเป็นสองสาย คือสายการเมือง(เพื่อไทย ฮาร์ดคอ) และ สายวิชาการ นอมินี่ จอร์จ โซรอส นั้นแลครับ
จากข้อมูลทั้งหมดที่ได้กล่าวขึ้นมานั้นก็ สามารถ สรุปใจความสำคัญได้ว่า ๑๔ มกราคม๒๕๖๑ ฝ่ายต่อต้านคสช. ปักหมุดใหญ่ไว้แล้วว่า จะล้มล้าง คสช. ไปพร้อมการทำลายสถาบันเบื้องสูงไปพร้อมกัน เพราะฉะนั้นแลัว เรื่องการเมืองในอนาคต ใครจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็คิดดูให้ดีครับ