ได้เกริ่นไว้ว่าจะคุยถึงเรื่องนี้ ที่ถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวของดิฉันแท้ๆ
เพราะต้องเจอกับข่าวในโทรทัศน์ถึงเรื่องนี้ ที่เริ่มถี่ขึ้น และเริ่มมีสีสันเข้มข้นขึ้นมาตามระยะเวลา
ในที่สุด เมื่อคืนก่อน…ได้เห็นนายมาครง ปธน.ฝรั่งเศส (ที่เหมือนคนไร้สภาพผู้นำ) ออกมาประกาศว่า……
ใครก็ตามที่เป็นผู้ต่อต้านและมีความมุ่งมาดคาดร้ายกับชนที่ถือลัทธิไซออนิสต์ ให้มีความผิดทางกฏหมายเทียบเท่ากับ Anti Sémitisme ที่หมายถึงการต่อต้านและให้ร้ายกับชนชาติยิว (ส่วนใหญ่) หรือ กลุ่มชนเผ่าอื่นๆที่อดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของ Semitic เช่น กลุ่มอาหรับ, กลุ่มมุสลิม
ทีนี้มาทำความเข้าใจกันว่า Anti-Zionism กับ Anti-Semitism
ต่างกันอย่างไร…ทำไมมาครงจึงต้องรีบออกมาประกาศควบรวม?
อย่างแรก คือ แอนไท-ไซออนนิสม์ ที่ทุกคนใช้แบบนี้ คือ การต่อต้านกลุ่มยิวที่เป็นนายทุน เป็นพวกที่ใช้เงินก่อความวุ่นวาย สร้างสงครามในประเทศอื่นๆ และ คือกลุ่มที่จัดตั้งอิสราเอล
คำนี้…เป็นคำที่ใช้เลี่ยงในทางกฏหมาย สำหรับโจมตียิวในวัตถุประสงค์ที่กล่าวมา
ส่วน แอนไท-เซมิติสม์ คือการเกลียดและต่อต้านยิวโดยรวมทั้งหมด
ไม่จำเพาะเจาะจงว่าเป็นใครหน้าไหน คือฝังใจว่า ถ้าเป็นยิว ต้องเป็นศัตรู
ทีนี่กระแสต่อต้านในยุโรปที่กำลังแพร่หลายเพราะผู้คนเริ่มตื่นรู้..
มองเห็นความเปลี่ยนแปลงว่า ผู้นำของเขาเริ่มไม่ได้ทำงานเพื่อประชาชน หากแต่ทำงานให้กับกลุ่มทุนที่กำลังจะครองโลก
เช่น นายบารัค โอบามา (สหรัฐอเมริกา) นางอังเกลล่า แมร์เคิล (เยอรมัน) นายเอมมานุเอล มาครง (ฝรั่งเศส)
เนื่องจากชาวยุโรปส่วนใหญ่คือผู้ที่เสพข่าว และมีความรู้
ทางด้านกฏหมายพื้นฐานเป็นอย่างดี จึงพอโยงได้ว่า ผู้ใดที่อยู่เบื้องหลัง และพอมองเห็นอนาคตว่าปล่อยวางเฉยไม่ได้อีกแล้ว
จึงเกิดมีการโจมตียิวนายทุน มีขบวนการที่เริ่มใช้มาตรการรุนแรงขึ้น เขาเรียกตัวเองว่า เป็นกลุ่ม Anti-Zionism คือ มีจุดประสงค์ที่จะ
ต่อต้านอิสราเอลที่สร้างปัญหาให้กับโลกอยู่เนืองๆ
ทีนี้เราก็ต้องเข้าใจว่า กลุ่มที่ก่อตั้งอิสราเอล และ กลุ่มทุนนั้น คือ กลุ่ม Rothschild ที่มีอัศวินควบคุมทัพหน้าให้ คือ George Soros
อันเป็นกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังที่สามารถผลักดันให้นายมาครงขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี…
จึงเป็นเหตุให้เขาต้องรีบออกมาขยายความควบรวมในข้อกฏหมายว่า การต่อต้านไซออนิสม์ ก็จะมีความผิดเช่นเดียวกันกับ การต่อต้านยิว เซมิติสม์ โดยรวม
อันมีผลทางกฎหมายที่เข้าข่ายในความผิดในมาตราของการเหยียดเชื้อชาติ (Racism)
ต่อมาในระยะสิบปีที่ผ่านมา การต่อต้านเริ่มมีมากขึ้นในทุกประเทศ
โดยเฉพาะที่เยอรมัน ที่มีรวมหมดในทุกการต่อต้าน รวมทั้งเริ่มมีการเดียดฉันท์ผู้อพยพที่ นางแมร์เคิลได้รับเข้ามาล้านสามแสนกว่าคน…
อันเป็นเหตุให้เกิดกลุ่ม Neo Nazi ที่เริ่มจากกลุ่มเล็กๆกลายมาขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งที่ ในยุโรปตะวันออกและสหรัฐอเมริกา
พอเกิดกลุ่ม Neo Nazi อันเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความกระตือรือล้น และ
หัวรุนแรง กลุ่มต่อต้านอื่นๆก็ไหลเทไปรวมด้วย เพราะมีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ ชาตินิยม….
จึงเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้นมา ที่เหมือนกับประวัติศาสตร์ในยุคสงครามโลกครั้งที่สองภายใต้การนำของฮิตเล่อร์กำลังจะเกิดขึ้น
มีหมู่บ้านเล็กๆในเยอรมัน ชื่อว่า Ostritz ที่มีประชากรอยู่ไม่กี่ร้อย
เป็นหมู่บ้านนาซีอย่างชัดเจน คือ ใช้เครื่องหมายสวัสดิกะ
ใช้ฮิตเล่อร์สลุต และไม่ต้อนรับคนแปลกหน้าที่เข้ามาเผือก
ทุกปีในวันเกิดของฮิตเล่อร์ พวกเขาจะจัดงานเล็กๆ แต่ไม่กี่ปีมานี้
งานชักใหญ่ขึ้น ผู้คนในอุดมการณ์เดียวกันมาร่วมมากขึ้น
ตำรวจทำอะไรไม่ได้ เพราะ เขาเลี่ยงการใช้ชื่อ Hitler แต่ใช้คำย่อว่า
HTLR แทน..
ในรัฐบาลเยอรมัน….กลุ่มขวาจัดได้เริ่มได้รับการเลือกเข้าไปมากขึ้นในนามของพรรค AfD (Alternative für Deutschland )
ที่ทีนโยบายคือ ต่อต้านการรับผู้อพยพ…
สั้นๆและได้ใจความครบ…..
ส่วนเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นั้น หลายคนให้เหตุผลว่า มันคือกงกรรมกงเกวียน ยิวได้สร้างความเดือดร้อนมาในทุกยุคทุกสมัย
ยุโรปต้องผ่านสงครามมากี่ครั้ง ก็เกิดจากยิวทั้งนั้น
ดูอย่าง Karl Marx บิดาแห่งลัทธิมาร์กซิสต์ ที่ขยายมาเป็นระบอบคอมมิวนิสต์…นั่นก็ยิว…!!!
ทีนี้เรามาย้อนดูว่า…ยิวกลุ่มทุนไปสร้างความคับแค้นใจอะไร…
อย่างโซรอส นั้นก็ออกดี มีเงินก็บริจาคให้ที่โน่นที่นี่ สร้างมหาวิทยาลัย สร้างองค์กรอิสระที่ทำประโยชน์ ซื้อสื่อทุกแขนง
ซื้อทุกบริษัทที่อยู่ในระดับท๊อป ในทุกสาขา…
นั่นแหละค่ะ คือ อันตรายที่ทุกคนต้องระวัง เพราะเขาคิดเหนือ มาเหนือ นั่นคือ การจัดตั้งรัฐบาลโลก ในชื่อที่เรารู้จักว่า New World Order
ในกลุ่มนี้ เขาไม่สนใจว่าประเทศอะไร และ พื้นที่ของใคร…หรือมีศิลปวัฒนธรรม การเป็นอยู่เช่นไร…
และความเป็นยิวของโซรอส ได้ถูกเรียกว่า non-practicing Jew of flexible morals หมายถึง เป็นยิวที่ไม่เคร่ง และเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
โดยผลประโยชน์ต้องมาก่อน ไม่คิดแค้นในเรื่องยิว เรื่องมุสลิมที่ต้องเข่นฆ่ากันในพื้นที่อิสราเอลและปาเลสไตน์
เพราะเขาได้ช่วยเหลือกลุ่มมุสลิมในประเทศต่างๆรวมทั้งเรื่องผู้อพยพที่เป็นชาวมุสลิมมากมาย
ทุกพื้นที่สำหรับเขา คือ การเข้าไปแทรกแซงทางการค้าผูกขาดในทุกแขนง
ประชาชน…ไม่ว่าจะเป็นสีอะไร ภาษาอะไร ไม่สำคัญ…
เขาถือว่า มนุษย์คือทรัพยาการที่มีค่า หากได้รับการเรียนและการฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ การผสมผเสเชื้อชาติต่างๆให้ไหลรวมกัน คือ การผ่องถ่ายความรู้ ทักษะ
นี่คือสาเหตที่ เราจะเห็นการสนับสนุนเปิดพรมแดนให้กับผู้อพยพไปยังที่ต่างๆ
อย่างกรณีของกลุ่มคาราวานฮอนดูรัสจำนวนหมื่นๆคนที่เข้าไปจ่อที่เม๊กซิโก เพื่อที่จะขอเข้าไปในสหรัฐฯในฐานะลี้ภัยนั่น….ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แต่เป็นเรื่องของการปลุกปั่นยุยง เพื่อ”ลองของ” กับทรัมป์
เขาไม่ได้สนใจว่าประชาชนจะเข้ากันได้หรือไม่ได้…เขาต้องการให้ทุกคนคือประชากรโลกที่เป็นฟันเฟืองในการสร้าง……การผลิต……
การแตกกระจายในความรู้…
ประเทศไหนที่อยู่ในอาณัติก็รับผู้อพยพไปตามคำสั่ง
ประเทศไหน…ต่อต้าน ก็ต้องถึงขนาดตัดเชือกกันไปอย่างไม่ต้องมาเผาผี…เช่นฮังการี
อย่าง
ประเทศไทย…ที่มีเรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าว…ที่ผู้คนจับไต๋ได้ว่า
ไม่ได้ทำเพื่อประชาชน…เลยรีบหันหลังกลับไปทบทวนข้อความใหม่
ก่อนที่คะแนนจะหายวับไป…
คนไทยเราต้อง”จี้” ในเรื่องนี้ให้เต็มที่เลยค่ะ เพราะตราบใดที่เขาคิดว่า พูดอะไรมา เราก็ต้องเชื่อ….หมดสมัยแล้วค่ะ
ดิฉันยังแปลกใจว่า…ข้าวเปรียบเสมือนโลหิตของชาติ แต่เราไม่มีโรงเรียนข้าว วิทยาลัยข้าว..หมายถึงการเรียบแบบเป็นการเฉพาะกิจ ทั้งปลูก สภาพดิน สภาพน้ำ สภาพภูมิอากาศ-ประเทศ
เรียนทุกเรื่องที่เกี่ยวกับข้าว รวมทั้งเทคโนโลยี เพื่อที่จะได้พัฒนาไปให้ไกลถึงที่สุด
ที่ฝรั่งเศส…ไวน์คือโลหิตที่หล่อเลี้ยงประเทศเช่นกัน เขามีโรงเรียนองุ่น…( le Syndicat général des vignerons) ในพื้นที่ต่างๆ
ที่นักเรียนจะต้องมาจากครอบครัวที่ทำเกษตรกรรมองุ่น ปลูกหรือผลิต
ผลที่ได้คือ…คุณภาพของไวน์ไม่เคยลดน้อยถอยลง ไม่ว่าฝนฟ้าอากาศจะดีหรือไม่ดี เป็นสินค้าขาออกที่ทำเงินเข้าประเทศอย่างมหาศาล ไม่ต้องพึ่งนายทุนหน้าไหนทั้งนั้น…
ส่วนประเทศไทยในเรื่องผู้อพยพ…มีคนออกมาประกาศว่า จะรับโรฮิงญา…จะลดบทบาทของสถาบัน…และต้องมีประชาธิปไตย
อ้าปากมาก็เห็นลิ้นไก่…ว่า…นายทุนข้างหลังคือใคร…และจะทำงานสนองให้กลุ่มไหน..??
คงไม่ต้องเดากันแล้วนะคะ…!!!