จดหมายถึง “เด็กชาย โต”…ปราชญ์ สามสี
29 สิงหาคม 2561
โพสนี้จะเป็นหนึ่งในโพสสำคัญที่สุดในชีวิตข้าพเจ้า เท่าที่จะสามารถเรียบเรียงเขียนได้ บทความนี้จะเป็นบทความซึ่งพูดถึง นาย สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และ คนไทยที่รักและชังในตัวเขา
.
ข้าพเจ้ายอมรับว่า ข่าว การป่วย อย่างเฉียบพลันของ นาย สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล จนทำให้เป็นอัมพาตครึ่งตัวนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมสนใจอยู่มาก และ ข้าพเจ้าเองก็เป็น กลุ่มคนกลุ่มแรกๆ ที่ให้ความสนใจกับข่าวนี้ เป็นอย่างมากเช่นกันครับ
.
ทันทีที่ได้รับทราบข่าวสารถึงอาการเจ็บป่วย นับเป็นวินาที ที่เหมือนมีเรื่องหลายๆเรื่องประดังเข้ามาเหมือนกัน เปรียบได้เหมือนว่า เราได้ยินข่าวเพื่อนเก่าในวัยเด็กคนหนึ่งป่วยหนักและมีโอกาสเสียชีวิต…มันก็รู้สึกเศร้าแปลกๆครับ
.
แม้ว่าจะอุปมาได้ว่าเขาจะเป็นเด็กเกเรจนคุณครูประจำห้องต้องทำโทษ และ ความเกกมะเหรกเกเรของ สมศักดิ์ก็มีมากจนหนีไปกลุ่มประท้วงคุณครูประจำโรงเรียนมาตลอดชีวิตของเขา แต่เขาก็เชื่อว่าการ”โต้เถียง” เป็นสิ่งที่นำเขาให้ได้มาซึ่งชัยชนะสำหรับเขา แม้จะ”ขวางโลกทั้งใบ”ก็ตาม…
.
เขาทำทุกอย่าง… ทั้งเขียน พิมพ์ พูด ร้องเพลง…เพื่อทำให้ ผู้คนเชื่อในโลก เบี้่ยวๆ ของเขา ที่เขาได้เคยกระทำและเป็นผู้ถูกกระทำ…เขาเริ่มแยกแยะไม่ออกระหว่างจินตนาการและความจริง… และ เขาเริ่มแบ่งปันความเชื่อของเขาโดย ตั้งคำถามกับความจริงของโลกใบนี้ ว่า…โลกใบนี้กลมจริงหรือ? แต่มันก็น่าเสียดายที่ …เขาดันเป็นคนเดียวที่มองว่า”โลกนี้แบน”
.
เขาหมกมุ่นไปกับการ “โต้เถียง”ว่า”โลกนี้กลมจริงหรือ?”
ตามหน้าเว็บไซต์ต่างๆ แม้ว่าจะมีคนที่เชื่อแบบเขาก็มีอยู่บ้าง จนสามารถตั้ง”สมาคมตาสว่าง”…ได้ด้วยเงินสนับสนุนจากนายทุนที่อ้างว่า ชื่นชอบผลงานของเขา
.
เขาดีใจ ยิ้มย่อง ..เหมือนเด็กที่ได้รับการยอมรับจากคนแปลกหน้า โดยหารู้ไม่ว่า เขาและเพื่อนสติเฟื่องของเขากำลังถูกหลอกจากคนแปลกหน้า
.
หลายคนตักเตือนเขา ทั้งคนไกล้ตัว และไกลตัวแต่เขาก็ไม่ฟัง … ความเชื่อว่าโลกแบนนั้นจึงถูกเผยแพร่ไปพร้อมกับการถูกล่อหลอกด้วยกระแสการเมืองตามยุคสมัย …เขากลายเป็นทั้ง “พระเจ้าของคนที่เชื่อว่าโลกแบน และ ซาตานของคนที่ไม่เชื่อในความคิดของเขา” โดยที่เขาไม่ได้อะไรเลย นอกจากความภูมิใจในการพิสูจน์ว่าเขา”ค้นพบทฤษฎีโลกแบน”ได้สำเร็จ
.
เขามักมีคำพูดท้าทาย ผู้คนรอบข้างที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดของเขาเสมอๆ โดยพูดทำนองว่า “แน่จริงยกเลิกกฏหมายสิ… แล้วฉันจะพิสูจน์ให้ดูว่าโลกแบน”…
.
แต่เขาก็ไม่เคยพิสูจน์ได้ว่าโลกแบนจริงๆ…แม้ว่าเขาจะเนรเทศตัวเองไปยังฝรั่งเศสประเทศที่กฏหมายไทยไปไม่ถึงก็ตาม
.
แม้ปัจจุบันนี้ นาย สมศักดิ์มีอายุมากแล้ว และ มักพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ด้วยการวิพากวิจารย์สังคมในแบบผู้ใหญ่ที่เขาจินตนาการ แต่ในทัศนะข้าพเจ้าแล้ว เขาเหมือนจะทำตัวเป็นเด็กที่ไม่มีหัวใจนักกีฬา หากถกเถียงแพ้ก็ บล็อคแบนทิ้งมาตลอด… เรื่องนี้ เป็นมาตั้งแต่ เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกันแล้ว …อีกทั้งยังตั้งกลุ่มก๊วนแต่ง”นิทานโลกแบน”อ้างว่าเป็นข่าววงในซุบซิบนินทา จริงบ้างเท็จบ้าง ผสมปนเปกันไป.. แต่สุดท้ายมันก็เป็นแแค่นิทานเท่านั้นครับ.
.
ใช่ครับ ผมเคยกล่าวว่า สมศักดิ์ เขามีลักษณะเจ้าเล่ห์คล้ายตัวละครอย่าง “ศาสตราจารย์ มอริอาตี้” ในเรื่อง เชอล็อกโฮม … แ่ต่นั้นเป็นเพียงบุคลิกภายนอกของเขา แต่ภายในแล้วเขายังเป็นเด็กเกเรตัวเล็กๆคนเดิมตั้งแต่ปี 2519 แล้ว
.
ในสายตาของข้าพเจ้านั้น เขาก็ยังเป็นเด็กชายสมศักดิ์ ที่หนีหลบอยู่ใต้ถุนกุฎิวัดในวันที่ ทหารรวบเขาในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เด็กที่มีบาดแผลในใจจากความผิดพลาดของสังคมที่ตัวเขาเองหลงเชื่อ และความผิดของตัวเขาเองส่งผลให้ถูกสังคมทอดทิ้งและไม่มีใครเหลียวแล… และบาดแผลในอดีตของเขากลายเป็นจุดด่างในชีวิต …ที่รอวันได้รับการยอมรับ จึงเป็นเหยื่อของนักการเมืองในเวลาต่อมา
.
และนี่คือเรื่องราวของเด็กเกเรคนนี้ …แม้ว่าสิ่งที่สมศักดิ์กระทำนั้น จะยากเกินให้อภัยไปมาก เพราะ เขาได้ทำสิ่งที่เกินเลยจนทำให้ประเทศปั่นป่วนแต่หาก เราจะส่องกระจกดูเงาของเขาแล้ว เราก็จะพบว่าเขานั้นเกิดมาจากความขัดแย้งของสังคม ที่ถูกต่างประเทศชักใย ให้เกลียดกัน …แบ่งแยกกันเป็นฝ่ายซ้ายฝ่ายขวา
….
เรื่องนี้ไม่ใช้ครั้งแรกที่เกิดขึ้น
.
เพราะมีมาตั้งแต่ กศร.กุหลาบ …ที่หลงผิดเชื่อฝรั่งคิดอุตริแต่งประวัติศาสตร์ขายคนเขลาเบาปัญญา ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่๕แล้ว…
.
แล้วมันจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า…อีกหลายครั้งเพราะปีศาจตัวจริง ยังไม่เคยตายไปจริงๆ
.
ปีศาจการเมืองที่หลอกผู้คนให้เกลียดกันและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย…ทั้งๆที่เป็นชาติเดียวกันแท้ๆ
.
ข้าพเจ้าขอยกประโยคของ มาร์ติน ลูเทอร์ คิง ศาสนาจารย์และนักต่อสู้เพื่อสิทธิของคนแอฟริกันในอเมริกา มากล่าวว่า
.
.
“Darkness cannot drive out darkness;only light can do that. Hate can not drive out hate; only love can do that”
.
.
“ความมืดไม่สามารถขับไล่ความมืดได้;มีแต่แสงสว่างเท่านั้น
ที่สามารถขับไล่ความมืดได้ฉันใด ความเกลียดไม่สามารถขับไล่ความเกลียดชังได้ ความรักเท่านั้นที่สามารถทำได้ฉันนั้น ”
.
.
ในทัศนะของข้าพเจ้า ถ้าเราจะยุติให้ความขัดแย้งอันเป็นศัตรูตัวจริงให้ได้อย่างแท้จริงแล้ว…เราต้องเริ่มที่จะปล่อยวางความโกรธ เกลียดเขา ให้กลายเป็นความเรียบเฉย.อันเป็นจุดเริ่มต้นของการอภัยที่แท้จริง
.
อย่าปล่อยให้ความสูญเสีย กลายเป็นไฟที่ ปีศาจการเมืองรุ่นใหม่นำมาก่อเรื่องจนกลายเป็นต้นไฟอีกเลยครับ
.
(โดยเฉพาะกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ที่เคยเป็นศิษย์ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เลิก โหนสมศักดิ์ เสียดสีสังคมเพื่อประโยชน์การเมืองของตนเองเถอะครับ เพราะจะไมไ่ด้อะไร นอกจาก กรรมที่เกิดจากตัวเองครับ)
.
ส่วนความผิดในทางกฏหมายของสมศักดิ์ จริงๆนั้นไม่ได้ร้ายแรงนัก(เป็นเพียงเด็กเลี้ยงแกะที่คนหลงเชื่อมากมาย)
แต่”การโกหกก็เป็นอาชญากรรม”อยู่ดี จริงๆเห็นควรว่า กลับมารับสารภาพในความผิดของตนเองและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ ดีกว่าหลบๆซ่อนๆ หนีตลอดชีวิตจนเกิดอุบัติเหตุจนอัมพาตครึ่งซีกแบบนี้
.
ข้าพเจ้ายืนยันว่า ..หากมีใครถามว่า สมศักดิ์ …เป็นคนแบบไหนในสายตาข้าพเจ้า … ข้าพเจ้าจะบอกว่าเขาเป็นเด็กเลี้ยงแกะแต่เขาก็เป็นคนชาติเดียวกับเรา … แม้ว่า สมศักดิ์จะนิสัยเสียแค่ไหนก็ตาม …แต่คนเลวร้ายกว่าคือคนที่หลอกใช้ สมศักดิ์ เพื่อบรรลุผลทางการเมือง ครับ
.
เเละเพราะเราเป็น”ชาตินิยม”แบบที่สมศักดิ์เกลียดนี่แหล่ะเราถึงต้องอภัยให้ สมศักดิ์…เพื่อยืนยันว่า สิ่งที่สมศักดิ์ คิดนั้นผิด …เพราะประเทศเราปกครองกันแบบครอบครัว เป็นครอบครัวที่มีข้อตกลงกันอย่างเท่าเทียม ใครทำผิดต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าใครป่วยใข้ก็ต้องรักษา ..
.
ข้าพเจ้าจึงขอวิงวอนให้คนไทยดึงสติกลับมา ไม่โกรธไม่เกลียดหรือไม่รักกันจนเกินจริง และอุเบกขา ร่วมกันครับ
และเพื่อให้ทุกความขัดแย้งถึงจุดจบ …สมศักดิ์ควรรับผิดชอบด้วยยุติบทบาทและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขครับ
*******************************************
.
อุเบกขา หมายถึง ความวางเฉยแบบวางใจเป็นกลางๆ โดยไม่เอนเอียงเข้าข้างเพราะชอบ เพราะชัง เพราะหลงและเพราะกลัว เช่นไม่เสียใจเมื่อคนที่ตนรักถึงความวิบัติ หรือไม่ดีใจเมื่อศัตรูถึงความวิบัติ มิใช่วางเฉยแบบไม่แยแสหรือไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งๆ ที่สามารถช่วยเหลือได้เป็นต้น
*****************
ขอเปิดเพลง ศัตรูที่รัก ประกอบบทความ
เพลงประกอบภาพยนตร์ อินทรีแดง
เธอเป็นหมือนศัตรู อยู่เหมือนหนามยอกใจ
ใกล้กันคงไม่ได้ ต่อให้ใจนั้นจะไหวหวั่น
คงเป็นเหมือนศัตรู เป็นยอดชู้ในฝัน
ไม่มีทางรักกัน แต่ผูกพันยิ่งกว่ารักใด
แต่ก็ไม่อาจจะยอมรับ และไม่อาจจะลืมเรื่องเธอไป
ต่อให้ฉันทำยังไง แต่ความจริงที่ฉันมีคงหลุดพ้นมันไม่ได้
เปรียบดังเส้นขนาด แบ่งโลกฉันกับเธอ
ไม่มีวันได้เจอะเจอ ไม่มีวันที่จะรักกัน
ห้ามใจมากอย่างไร มันกลับยิ่งผูกผัน
เหมือนหัวใจเธอและฉัน อยู่ตรงข้ามแต่เข้าใจ
แต่ก็ไม่อาจจะยอมรับ และไม่อาจจะลืมเรื่องเธอไป
ต่อให้ฉันทำยังไง แต่ความจริงที่ฉันมีคงหลุดพ้นมันไม่ได้
ต่อให้หนีอย่างไร ไปให้แสนสุดไกล
แต่สุดท้ายเธอก็ยัง อยู่ในความคิดและหัวใจ
อยากจะหนีอย่างไร ก็คงทำไม่ได้
ต้องยอมรักเธอใช่ไหม ศัตรูที่รัก ที่รักของฉัน
แต่ก็ไม่อาจจะยอมรับ และไม่อาจจะลืมเรื่องเธอไป
ต่อให้ฉันทำยังไง แต่ความจริงที่ฉันมีคงหลุดพ้นไปไม่ได้
ต่อให้หนีอย่างไร ไปให้แสนสุดไกล
แต่สุดท้ายเธอก็ยัง อยู่ในความคิดและหัวใจ
อยากจะหนีอย่างไร ก็คงทำไม่ได้
ต้องยอมรักเธอใช่ไหม ศัตรูที่รัก ที่รักของฉัน