มื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดี อ.4176/2552 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท จากกรณี นายจตุพร ขึ้นเวทีชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม และ 17 ตุลาคม 2552 ปราศรัยกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ ประวิงเวลาในการทำความเห็นเสนอต่อสำนักราชเลขาธิการเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตามที่กลุ่มเสื้อแดงร่วมกันลงชื่อถวายฎีกา รวมทั้งกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ ในทำนองเป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชนระหว่างการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุก นายจตุพร จำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 รวม 2 กระทงๆ ละ 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี และไม่รอการลงโทษ เนื่องจากเห็นว่า ประโยคปราศรัยที่นายจตุพรกล่าวว่า เป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชนอย่างเลือดเย็นที่สุด คำปราศรัยของจำเลยดังกล่าวเป็นการยืนยันว่าโจทก์เป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชน จึงมิใช่เป็นการกล่าวติชมด้วยความเป็นธรรม ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชังและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
ภายหลังทนายความจำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เงินสด 2 แสนบาท ประกันตัวระหว่างฎีกาสู้คดี ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
ต่อมานายจตุพร ยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีการอการลงโทษ
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นโดยสุจริตนั้น แต่จากคลิปวีดีโอและสำเนาการถอดเทปการปราศรัยของนายจตุพรทั้ง2ครั้ง ฟังได้ว่าจำเลยได้ปราศรัยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์มีจุดประสงค์ให้ประชาชนออกมาขับไล่โจทก์ในฐานะเป็นรัฐบาล ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาททำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชังและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นการใส่ร้ายโจทก์ตามฟ้องจริง เป็นการกระทำผิดตามฟ้องศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอลงอาญานั้น เมื่อพิจารณาเเล้วเห็นว่า ถ้อยคำของจำเลยมีลักษณะพาดพิง หมิ่นเหม่กระทบสถาบันไม่ควรรอการลงโทษให้ยกฎีกา เเต่ในชั้นฎีกาจำเลยให้การยอมรับว่า เป็นผู้กล่าวถ้อยคำปราศรัยดังกล่าวจริงเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง พิพากษาเเก้โทษจำคุกจำเลย คงจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 2กระทง เป็นจำคุก 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัวนายจตุพร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งช่วงที่เข้าไปอยู่เรือนจำ นายจตุพรมีร่างกายซูบผอม น้ำหนักลดลงไปกว่า 28 กิโลกรัม โดยมีภรรยา บุตร และทนายความ มาให้กำลังใจ เนื่องจากในขณะนี้นายจตุพร ถูกคุมขัง ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ให้จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา คดีหมายเลขดำ อ.1962/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร เป็นจำเลยอีกคดีหนึ่ง ซึ่งนายจตุพรติดคุกมาแล้วประมาณ 6 เดือน กรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2552 นายจตุพร ได้กล่าวปราศรัยใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ ทำนองว่า รัฐบาลนายอภิสิทธ์ เป็นรัฐบาลภายใต้ทรราชฟันน้ำนม สั่งให้คนเสื้อน้ำเงินยิงคนเสื้อแดงช่วงการประชุมอาเซียน ที่พัทยา จ.ชลบุรี สร้างสถานการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยว่าถูกทุบรถเพื่อใส่ร้ายคนเสื้อแดง รวมทั้งกล่าวหาว่า โจทก์เป็นคนสั่งทหารให้ไปยิงประชาชน เป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือดฆ่าประชาชน ใส่ร้ายประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดง โจทก์จะต้องถูกประหารชีวิต ข้อหาฆ่าคนตาย และข้อความอื่น ๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนให้ยกฟ้องนายจตุพร เนื่องจากเห็นว่า การกระทำของนายจตุพรไม่เป็นความผิด
ต่อมา นายอภิสิทธิ์ จึงยื่นขอให้ศาลฎีกา พิพากษาลงโทษนายจตุพร พรหมพันธุ์ และเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2560 ซึ่งศาลฎีกาได้พิพากษากลับให้จำคุกนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา และโฆษณาคำพิพากษาใน นสพ.รายวัน 3 ฉบับเป็นเวลา 7 วัน โดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา ว่า การกระทำของนายจตุพร เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นให้ได้รับความเสียหายจริง เพราะไม่ได้แสดงความเห็นโดยสุจริต และไม่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นอกจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะเบิกตัวนายจตุพรแล้วยังมีการเบิกตัวแกนนำนปช.คนอื่นที่อยู่ในเรือนจำ อาทิ นาย ยศวริศ ชูกล่อม อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง มาร่วมกระบวนพิจารณาสืบพยานคดี นปช.ก่อการร้าย ซึ่งจำเลยที่ได้รับการประกันตัวก็จะต้องมาร่วมรับฟังการพิจารณาด้วยเช่นกัน
https://mgronline.com