นานาชาติร้องหยุดยิง! ดีเดย์สหรัฐฯ เปิดสถานทูตเยรูซาเล็ม-ชายแดนฉนวนกาซาปะทะเดือด ทหารอิสราเอลสังหารชาวปาเลสไตน์แล้ว 58 ราย
วันจันทร์ที่ผ่านมา (14 พ.ค.) สหรัฐอเมริกาเปิดสถานเอกอัครราชทูตที่นครเยรูซาเล็ม ประเทศอิสราเอล อย่างเป็นทางการ ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 70 ปีก่อตั้งอิสราเอล
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวผ่านคลิปวิดีโอที่นำมาฉายในพิธีเปิดสถานทูตว่า การที่นครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลนั้นคือ “ข้อเท็จจริง”
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ระบุว่า ทรัมป์ได้สร้าง “ประวัติศาสตร์” ด้วยการรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของประเทศอิสราเอล และด้วยการเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ที่นี่
ในขณะเดียวกัน บริเวณฉนวนกาซาก็เกิดการปะทะครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 4 ปี กองทัพอิสราเอลใช้กระสุนจริง แก๊สน้ำตา และอาวุธอื่นๆ สังหารผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 58 ราย และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 2,700 ราย
เหตุสืบเนื่องจากชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนไม่พอใจที่สหรัฐฯ รับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอล และเดินทางมาประท้วงบริเวณชายแดนกาซา-อิสราเอลก่อนเริ่มพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ที่เยรูซาเล็ม
ความรุนแรงดังกล่าวส่งผลให้หลายประเทศทั่วโลกเรียกร้องให้มีคำสั่งหยุดยิง
เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระบุว่าตนจะคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคดังกล่าวภายใน 2-3 วันนี้ ส่วนอังกฤษระบุว่าไม่มีแผนจะย้ายสถานทูตประจำอิสราเอลจากกรุงเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเล็ม
ด้านตุรกีออกมาระบุว่าการกระทำของอิสราเอล “คือการสังหารหมู่” พร้อมมีคำสั่งเรียกตัวเจ้าหน้าที่การทูตของตุรกีที่ประจำอยู่ในสหรัฐอเมริกาและอิสราเอลกลับประเทศ
ส่วนทำเนียบขาวออกมาชี้ว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของกลุ่มฮามาส (Hamas) ที่ถืออำนาจอยู่ในฉนวนกาซา พร้อมหนุนเนทันยาฮูที่ระบุว่า การกระทำของกองทัพอิสราเอลเป็นการป้องกันตนเองของกองกำลังปกป้องชายแดน