23 พ.ค.61 – นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้ิอ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า การประกาศยุติการชุมนุมและเข้ามอบตัว คือข้อบ่งชี้ว่าแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งหลีกเลี่ยงความรุนแรง และไม่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้บานปลาย เมื่อคนหนุ่มสาวแสดงความบริสุทธิ์ใจแล้ว ผู้มีอำนาจก็ควรแสดงความเป็นผู้ใหญ่โดยไม่ดำเนินคดีและปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะการชุมนุมเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ไม่ได้มีเหตุรุนแรง และคนกลุ่มนี้ก็ถูกดำเนินคดีเรื่องการชุมนุมอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว จะตั้งข้อหาซ้ำเป็นรายวันไปทำไม ถ้าอ้างเรื่องการรักษากฎหมายก็เห็นกันอยู่ว่า ก่อนหน้านี้มีการชุมนุมเดินขบวนของกลุ่มประชาชนหลายครั้งที่ไม่มีคดีความ เรื่องแบบนี้อยู่ที่ฝ่ายผู้มีอำนาจจะเอาอย่างไร แทนที่จะไล่จับเด็กเข้าห้องขัง ควรเร่งสร้างความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งโดยการปลดล็อคทางการเมืองในเดือนมิ.ย.ตามที่ประกาศไว้จะเป็นประโยชน์กว่า ทั้งนี้ ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยกฎหมายลูกอย่างไรแต่ความเข้าใจของประชาชนคือ เลือกตั้งช้าหรือเร็วอยู่ที่คสช.กำหนด เปรียบเหมือนจะตัดรองเท้าสักคู่เพื่อใส่เดินไปข้างหน้า ถ้าเอาจริงก็เสร็จไปนานแล้ว แต่นี่ทำเหมือนตัดรองเท้าให้กิ้งกือใส่ ของง่ายจึงกลายเป็นยาก ต้องเลื่อนไปเรื่อยๆ กฎหมายร่างเอง พิจารณาเอง เห็นชอบเอง แล้วก็ยื่นตีความกันเอง พอคนทักท้วงก็บอกว่าเลือกตั้งมีแน่แต่ห้ามอยาก ต้องเข้าใจด้วยว่านี่ไม่ใช่ความอยากที่เกิดจากกิเลส แต่เป็นความอยากที่มาจากศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

“ขอชื่นชมและให้กำลังใจกลุ่มคนอยากเลือกตั้งทุกคน สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าทำดีที่สุดแล้ว การประกาศว่าอยากเลือกตั้งต่อหน้าผู้เผด็จการถือเป็นชัยชนะของคนมือเปล่า การใช้สันติวิธีเลี่ยงความรุนแรงคือการแสดงวุฒิภาวะที่สูงกว่า ส่วนข่าวเรื่องฮาร์ดคอร์ขนอาวุธเชื่อว่าจะค่อยๆ เงียบไปเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา ถ้ามีการนัดเคลื่อนไหวอีกก็จะมีข่าวแบบนี้อีก อยากรู้จริงๆ ว่าคนพวกนี้ไปขนอาวุธอยู่แถวไหน แล้วขนกันอย่างไร ถึงโผล่วับๆ แวมๆ แต่ไม่เคยถูกจับได้”แกนนำนปช.กล่าว