“อยากเลือกตั้งมั่งอ้ะแม่ประไพ พ่อทิดเอิบ..
แต่มีคำถามในใจตัวเอง ดังต่อไปนี้…
คำว่า “มึง” คือฉันถามตัว “กู” เองจ้ะ
1.มึงจะเป็นคนเลือก…มึงจะเลือกใครวะ มึงก็เลือกมาแล้วหลายที เลือกมาแล้ว มันก็งั้น ๆ จะเลือกหรือไม่เลือก ก็ไม่เห็นแตกต่าง
2.หรือกูจะเสนอตัวเป็นคนให้เขาเลือก….กูจะได้ไปทำแบบที่กูคิดไว้ว่าดี แต่กูจะไปสมัครที่ไหน พรรคไหน เขาจะรับกูไหมถ้าเขารู้ว่า กูไม่ชอบคำว่า “มติพรรค”
3.รัฐธรรมนูญไม่ให้คนลงการเมืองเป็น สส.อิสระ ต้องอยู่ในพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น ต้องทำตามมติพรรค…เออ แค่นี้ก็เผด็จการในพรรคละ ประชาธิปไตยตรงไหนวะ
4.แต่ถ้าอิสระได้หมด..ใครอยากสมัครเป็นผู้แทน ก็อิสระ ก็เข้าใจได้เลยว่า ส่วนหนึ่งอาจจะมีความคิดเป็นของตัวเองสูงที่จะทำงานเพื่อชาติโดยไม่คิดถึงพวกพ้อง….แต่ส่วนที่เป็นปัญหาคือ…แม่งพร้อมจะขายตัวยกมือ….คือเป็นกะหรี่การเมืองขายปลีก….วุ้ย กลุ้มใจ
5.งั้นขอตั้งพรรคใหม่ละกัน…ชาวบ้านธรรมดาที่ก็เป็นคนไทยที่อยากทำงานให้บ้านเมือง ที่ไม่ใช่สองสามพรรคใหญ่นั่น…ตั้งพรรคใหม่แล้วจะรอดไหมจ๊ะ
6.ต่อจากข้อที่ห้า…การอยากอาสาเข้าไปทำงานการเมือง ต้องมีเงินแค่ไหน…ต้องมีเงินด้วยหรือ
7.คนจน คนชั้นกลาง มนุษย์เงินเดือน รวมเงินได้ ตั้งพรรคได้ไหม อันนี้ถามจริงๆ…หมายถึงไม่ใช่แค่ตั้งพรรคไปอย่างสิ้นหวังนะ…อันนั้นรู้ว่ามีกฎหมายว่าตั้งพรรคได้…แต่พรรคเบี้ยน้อยหอยน้อยมันเคยเกิดขึ้นไหม
8.ประชาธิปไตยย่อมเป็นญาติกับเสรีนิยม…และเสรีนิยมเป็นญาติกับทุนนิยมไหม แล้วทุนนิยมมันจะย้อนกลับไปเป็นญาติที่แท้จริงกับประชาธิปไตยเพื่อปวงชนไหม…
9.สิ่งหนึ่งทีฉันสับสนคือ…เผด็จการในเมืองไทยวันนี้ เป็นเผด็จการที่หน่อมแน้ม รู้สึกผิดว่าตัวเองมาจากวิธีที่เขาหาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย…จะเด็ดขาดก็ไม่กล้าเด็ดขาด แถมยังเฟอะฟะอีกหลายเรื่องให้อีกฝ่ายเย้ยหยันได้ตลอดเวลา…
แต่ฝ่ายที่ต่อต้านเผด็จการ…อยากเลือกตั้ง…เคลื่อนไหวไปเรื่อย…
ซ้ำๆซากๆ…ไม่มีข้อเสนออะไรเลย…ย้ำ ไม่มีข้อเสนออะไรเลย นอกจากอยากจะมีเลือกตั้ง…
ประชาธิปไตยคือเผด็จการอีกรูปแบบหนึ่งที่ห่อหุ้มแพกเกจให้ดูงดงาม ถ้าหากยังตอบคำถามเก้าข้อของฉันนั้นไม่ได้…
ประชาธิปไตยแบบอนาล็อก…ตั้งแต่ 2475 มันไม่เวิร์คละ…
ตอนนี้ต้องประชาธิปไตยแบบดิจิตอลโซเชียลมีเดียละ
เผด็จการก็ไม่รอด…
ประชาธิปไตยทุนนิยม…เสรีนิยมสร้างภาพ..ก็จะไม่รอด..
ตอนนี้โซเชียลมีเดีย….สร้างสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริงละแม่เอ๋ย”