ถึงเวลาส่งสัญญานเตือน: เมื่อสหรัฐอเมริกาสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง
อ้างอิง altthainews
16 พฤษภาคม 2017 ( ผู้เขียน : แอนโทนี คาตาลุซซี Anthony Cartalucci – LD) นับเป็นความโชคร้ายที่ แม้ว่า แผนการสนับสนุน”กลยุทธ์ปฏิวัติสี (color revolutions)”ของ มหาอำนาจตะวันตก จะเป็นกลยุทธ์ที่คุ้ยเคยกับสื่อระดับโลก แต่ “การแกล้งโง่ โลกสวย และ ดราม่า” ยังคงถูกใช้เพื่อ”ขยายเวลา”ในการใช้”กลยุทธ์ปฏิวัติสี (color revolutions)” เพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้ ชาติมหาอำนาจตะวันตก
ยังเป็นที่น่าเสียดายที่บางครั้งสื่อใหญ่เคยเปิดเผย”กลยุทธ์ปฏิวัติสี (color revolutions)” เหล่านี้ จะกลายเป็น”ผู้สมรู้ร่วมคิด”ไปเสียเองโดยไม่ได้ตั้งใจเนื่องจาก มีข้อมูลไม่แน่น และมีความเชื่อที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง การวิจัยที่มั่นคงที่ลึกซึ้งควรเป็นแนวทางในการวิเคราะห์หัวข้อข่าวมากกว่านี้
ในกรณีของประเทศ ซีเรีย นั้นการสนับสนุนจากประเทศตะวันตกเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นยุทธวิธีของตะวันตกที่มุ่งไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ….จากเวเนซุเอลาไปยังอาเซอร์ไบจาน หรือ จากเกาหลีเหนือไปยังประเทศไทย
ทั้งนี้ มหาอำนาจตะวันตก พยายามสร้างความเชื่อต่างๆ เพื่อ ปิดบังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ “นักเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง”ทั้งที่จริงๆแล้ว”อำนาจตะวันตก”คือกลุ่มคนที่ให้เงินสนับสนุนพวกกิจกรรมของนักเคลื่อนไหวเหล่านั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อ”ประเทศ”,”ผู้นำ” หรือ “สถาบัน” ต่างก็พบว่าตัวเองอยู่ภายใต้การโจมตี ของประเทศมหาอำนาจตะวันตก ก็ควรถึงเวลาส่งสัญญานเตือน ออกไป
ประเทศไทยเป็นเป้าหมายของสหรัฐฯ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง
ประเทศไทยเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้นที่สามารถหลีกเลี่ยงการล่าอาณานิคมของตะวันตก เป็นเวลาเจ็ดศตวรรษที่ประเทศไทยได้รับเอกภาพและนำโดยสถาบันอธิปไตยของตนเองรวมทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีชื่อเสียงมากมาย ปัจจุบัน ก็ยังมีความพยายามในการโค่นล้มและเปลี่ยนระบอบกษัตริย์ในประเทศไทยโดย ประเทศตะวันตกซึ่งสนับสนุน”คณะราษฎร” จนเกิดการปฎิวัติด้วยกำลังทหาร ในปี พ.ศ.2475 และยุติการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในประเทศไทย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ยังมี”ความพยายามที่จะร่วมมือกัน”เพื่อที่จะโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์จนถึงปัจจุบันรวมทั้งปัจจุบัน
ภาพ: “ทักษิณ ชินวัตร ” ผู้นำ”ระบอบใหม่ “ที่สหรัฐฯและยุโรป สนับสนุนมาโดยตลอด
ปัจจุบัน มี ความพยายามที่จะทำให้เกิดความไม่มั่นคง, แบ่งแยกและทำลายประเทศไทย โดย การนำของ”กลุ่มลัทธิชังชาติ”ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯและ นาย ทักษิณ ชินวัตร ทั้งนี้ นาย ทักษิณ ชินวัตร เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี 2544-2549 ซึ่งในปีพ. ศ. 2549 เขาได้หลบหนีการรัฐประหารของทหารไปยังต่างประเทศ และเขาก็พยายามที่จะคว้าอำนาจกลับคืนโดยใช้”กลยุทธ์ปฏิวัติสี (color revolutions)” ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นสีแดงในปีพ. ศ. 2552 และ พ.ศ. 2553 น้องสาวของเขาคือนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซึ่งถูกชักใยอย่างผิดกฏหมาย ระหว่างปีพ. ศ. 2554-2557 ก่อนการรัฐประหารครั้งที่สองจะสำเร็จ และได้ขับไล่เธอออกจากอำนาจ
ตลอดกระบวนการนี้ ความพยายามของครอบครัวชินวัตร ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก NED (National Endowment for Democracy) ของ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และ มูลนิธิ Open Society ของอาชญากรทางการเงิน “จอร์จโซรอส ” และ กองทุนอื่นๆของรัฐบาล ในสหรัฐฯและยุโรป
การวางตัว”นักวิชาการ” เป็นองค์กรนอกภาครัฐ แพลตฟอร์มสื่อและกลุ่มนักเรียนฝ่ายต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะเรื่องการส่งเสริมชื่อเสียงของ”ชินวัตร” แต่เป็นการโจมตีแบบร่วมกันซึ่งมุ่งเป้าไปที่ฝ่ายตรงข้ามชินวัตร – สถาบันอิสระของประเทศไทย
ภาพ: อดีตนักการทูตสหรัฐ Kristie Kenney เดินทางไปทำงานที่สำนักงานของ “สื่อประชาไท” ทั้งที่ ประชาไทเคยปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯแม้จะมีข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์ของ NED เองก็ตาม
ซึ่งรวมทั้งประชาไท ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ระงับการให้ข้อมูล เกี่ยวกับการระดมทุนของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯและโกหกผู้อ่านของตนเกี่ยวกับการขาดแคลนทรัพยากรและเรียกร้องเก็บเงินจากพวกเขา
ทั้งนี้ แนวหน้าอย่าง องค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย, เดโมเครซี่ คาเฟ่ ,ENLAWTHAI และอื่น ๆ อีกมากมาย สำนักงานเหล่านี้แบ่งปันอาคารสำนักงานร่วมกัน และให้ร่วมมือประสานงานแคมเปญระหว่างองค์กรภายใน ร่วมกับสื่อตะวันตกหลายสำนัก ซึ่งองค์กรเหล่านั้นได้ใช้ช่วงเวลาที่ยาวนานเพื่อปกปิดหรือลดภาพลักษณ์ของการระดมทุนของสหรัฐฯและการติดต่อกับผู้แทนของสหรัฐฯ
และในขณะที่แนวร่วมเหล่านี้อ้างว่าพวกเขาเป็น “นักสิทธิมนุษยชน” “เป็นประชาธิปไตย” และ “ต้องการเสรีภาพในการพูด” พวกเขาคัดเลือกเป้าหมายโจมตีไปยังสถาบันอิสระของประเทศไทย โดย ปลุกปั่นด้วยการบิดเบือน หลอกลวงประชาชนโดยไม่คำนึงถึงการล่วงละเมิดสิทธิทางสาธารณะที่ดำเนินการโดยรัฐบาลของ”ชินวัตร”และแนวร่วมทางการเมืองในอดีต ซึ่งสนับสนุนการก่อการร้าย, การฆาตกรรมหมู่ และ การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง
“ประเทศไทยเป็นประเทศที่หลายฝ่ายไม่คุ้นเคย … แนวคิด” ราชาธิปไตย “ในไทยนั้นเป็นเรื่องที่ชาติตะวันตกไม่ชอบใจนัก และประเด็นเรื่อง” เสรีภาพในการพูด”ยังเป็นเพียงประเด็นที่ใช้สัญชาตญาน และไม่มีความชัดเจนสนับสนุน การแสดงออกส่วนมากนั้นมักเป็นเพียงความเชื่อผิดๆและใช้ความรู้สึกตัดสิน ชาติมหาอำนาจเลือกที่จะหยิบมานำประเด็นที่อ่อนไหวเหล่านี้ บางประเด็นเพื่อโจมตีเป้าหมายที่เขาต้องการ เสียมากกว่า ช่วยกันแก้ไขปัญหา “
ยังมีประเด็นที่สำคัญกว่าการทำความเข้าใจเกี่ยวกับท่าทีของสหรัฐฯที่มีต่อประเทศไทย คือ การเข้าใจว่าพวกเขา มีความต้องการ มากกว่าแค่การแบ่งแยกและทำลายประเทศใดประเทศหนึ่ง… หรือยึดครองประเทศหนึ่ง … มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับแผนการใหญ่ระยะยาวที่ต้องการ ล้อมกรอบประเทศจีน ด้วยแนวร่วมที่เป็นปึกแผ่นและถูกควบคุมโดย”ระบอบสหรัฐฯ”หรือการผลักดันให้เกิด “รัฐล้มเหลว”(failed states ) ที่ จะลากปักกิ่งลงในวิกฤตการณ์ทางการเมือง,วิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตความมั่นคง
แผนเหล่านี้เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมาแล้วหลายครั้ง เกี่ยวกับเหตุการณ์การโจมตีประเทศต่างๆที่หนุนหลังโดยสหรัฐฯ ทั้งการพยายามแบ่งแยกและทำลายประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก หรือกำลัง”สูบทรัพยากรณ์”พวกเขาอยู่ แม้จะมีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิกฤติการเมืองในปัจจุบันและต่อเนื่องในประเทศไทย แต่ก็ยังคงตกหลุมพรางกับยุทธวิธีของ “นักปฎิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง”ที่ใช้เพื่อสนับสนุน”ระบอบสหรัฐฯ” อย่างที่เคยใช้ในประเทศต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ในลิเบีย อียิปต์ซีเรีย ยูเครน และอื่น ๆ
อย่างไรคือวิธีการ ที่มหาอำนาจตะวันตกแทรกแซงทางความคิด
ในการทำให้ประชาคมโลกลืมเรื่องราวในประวัติศาสตร์ตะวันตกที่แทรกแซงทั่วโลก และลืมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง สื่อตะวันตกจะต้องพยายามหาทางที่จะทำเป็น แกล้งโง่ โลกสวย และ ดราม่า
ตัวอย่างของเรื่องนี้เกิดขึ้นในบทความข่าวที่น่าเสียใจของสำนักข่าวต่างประเทศบางสำนัก เกี่ยวกับ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระมหากษัตริย์รัฐกาลปัจจุบันของประเทศไทย
วิดีโอที่รวมอยู่ในบทความนั้น มันมีรายละเอียดที่”ไม่สมเหตุผล”ปะปนอยู่ในเรื่องชีวิตส่วนตัวของพระองค์ในต่างประเทศ แม้จะมีลักษณะไม่เด่นชัด แต่ก็แพร่กระจายไปทั่วสื่อตะวันตกโดยมีเจตนาแอบแฝงที่จะส่งเสริมให้คนซุบซิบนินทาผู้นำประเทศไทย ที่ถูกจับตาโดยกลุ่มผู้ที่ต้องการโค่นล้มระบอบกษัตริย์ที่สหรัฐหนุนหลัง
ภาพ: แนวร่วมเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไทยที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ มักจะรวมไปถึงกลุ่มก่อการร้ายที่ติดอาวุธหนักที่เคยสังหารทหารไทย แต่ยังรวมถึงผู้ประท้วงเพื่อสร้างกระแสความวุ่นวาย นี่เป็นกรณีที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2553 เมื่อกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯพยายามโค่นรัฐบาลไทย และสถาบันพระมหากษัตริย์ และก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายอย่างกว้างขวาง แต่ก็ล้มเหลว อย่างไรก็ตามความพยายามยังคงดำเนินต่อไป
สื่อตะวันตกกำลังกระตือรือร้นและร่วมกันพยายามที่จะบ่อนทำลายพระมหากษัตริย์ไทย และสร้างความขัดแย้งกับปฏิกิริยาของรัฐบาลไทยในทันที รัฐบาลไทยจึงเห็นควรส่งสัญญานให้ประชาชนคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ให้ชัดเจนกับวัตถุประสงค์ของการนำเสนอข่าวเหล่านี้ แต่เนื่องจาก ประชาชนบางส่วน มี พฤติกรรม โลกสวย , เห็นผิดเป็นถูก หรือ เข้าไม่ถึงปัญหา หลายคนก็อาจจะไม่ได้ยินเสียงสัญญานเหล่านี้
“ประเทศไทยเป็นประเทศที่หลายฝ่ายไม่คุ้นเคย … แนวคิด” ราชาธิปไตย “ในไทยนั้นเป็นเรื่องที่ชาติตะวันตกไม่ชอบใจนัก และประเด็นเรื่อง” เสรีภาพในการพูด”ยังเป็นเพียงประเด็นที่ใช้สัญชาตญาน และไม่มีความชัดเจนสนับสนุน การแสดงออกส่วนมากนั้นมักเป็นเพียงความเชื่อผิดๆและใช้ความรู้สึกตัดสิน ชาติมหาอำนาจเลือกที่จะหยิบมานำประเด็นที่อ่อนไหวเหล่านี้ บางประเด็นเพื่อโจมตีเป้าหมายที่เขาต้องการ เสียมากกว่า ช่วยกันแก้ไขปัญหา ”
ในความเป็นจริงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ และ คณะกรรมการที่ปรึกษาของพระองค์ (องคมนตรี)แสดงถึงความต่อเนื่องในการเป็นผู้นำชาติและหลักการที่นำพาเมืองไทยมาสู่ศตวรรษแห่งเสถียรภาพและปกป้องมันตลอดหลายศตวรรษจากมหาอำนาจตะวันตกพยายามเข้ามารุกราน เรื่องนี้อธิบายได้ว่าทำไมสื่อตะวันตก จึงมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันในการบ่อนทำลายและล้มล้างสถาบันนี้
สำหรับคนส่วนใหญ่ในประเทศไทย พวกเขาเคารพสถาบันของตนและแบ่งปันความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีกับพวกเขาในรูปแบบที่ไม่เหมือน สถาบันกษัตริย์ “ตะวันตก” และ “ระบอบประชาธิปไตย” พวกเขาได้รับการเผยแพร่โดยข่าวลือและการใส่ร้ายในทศวรรษที่ผ่านมาซึ่งมุ่งเป้าไปที่สถาบันของพวกเขาโดยสื่อตะวันตก
การเคลื่อนไหวของรัฐบาลไทยในการควบคุมการแพร่กระจายของการปลุกระดมแบบตะวันตกผ่านสื่อสังคมออนไลน์เช่นเฟสบุ๊คไม่ได้มาจากการเกรงกลัวต่อความจริง แต่เป็นความกลัวต่อ การโกหกของตะวันตก ที่เคยกระทำต่อประเทศอื่น ๆเมื่อ ปล่อยให้สื่อสารไปอย่างเสรีไร้การควบคุมตรวจสอบความถูกต้อง
ภาพ: ผลของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ ซึ่งเป็นผลให้หลายประเทศทั่วเอเชีย ตัดสินใจหลีกเลี่ยงการโดนแทรกแซงเช่นนี้
ความสามารถของ มหาอำนาจตะวันตก ในการสร้างภาพลวงตา โดยอ้างว่าประชากรส่วนใหญ่ยืนหยัดต่อสู้กับรัฐบาลประเทศซีเรียเป็นปัจจัยสำคัญในการยั่วยุให้เกิดวิกฤติการณ์ในประเทศซีเรีย ซีเรียล้มเหลวอย่างรวดเร็วเพราะพลเรือนส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่เบื้องหลังขบวนการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เนับเป็นแผนที่อันตรายหากหยุดมันไม่ทันเวลา
เห็นได้ชัดเจนว่าเบื้องหลังเรื่องนี้มีมากขึ้นกว่าที่เห็นได้ชัดเจน “สำนักข่าวต่างประเทศระดับโลก” ควรบอกทั้งสองด้านของเรื่องราวเช่นนี้และหวังว่าจะยังคงทำเช่นนั้น หวังว่า “สำนักข่าวต่างประเทศระดับโลก” จะระมัดระวังมากขึ้นในอนาคตและยังคงเปิดเผยและต่อต้านการโกหกของตะวันตกมากกว่าการขยายปมเพื่อใช้ประโยชน์จากคำโกหกเหล่านั้น