เรื่อง “นาฬิกาหรู” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีกลาโหม กำลังส่งผลสะเทือนไปถึง เสรีภาพทางวิชาการ เมื่อ คุณอานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผู้อำนวยการศูนย์ “นิด้าโพล” ของสถาบันการศึกษาระดับสูงอันเก่าแก่ของประเทศไทย ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง หลังจากสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง พฤติกรรมของ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบรัฐบาล
เรื่องนี้ไม่เพียงสะเทือน เสรีภาพทางวิชาการ แต่ยังสะเทือนไปถึง ประชาธิปไตยในอนาคต เสรีภาพความคิดเห็นของประชาชน และ ความมั่นคงของรัฐบาล ด้วย
คุณอานนท์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ผอ.นิด้าโพล ในวันที่ 29 มกราคมนี้ เสรีภาพทางวิชาการและการให้เกียรติกันสำคัญที่สุดสำหรับผม แม้ไม่มีตำแหน่งใดๆ ผมก็มีที่ยืนในสังคมได้ เพราะยืนอยู่บนความถูกต้องมาตลอด ผมสนับสนุนรัฐประหารและสนับสนุนรัฐบาลอยู่ แต่ถ้าสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม ผมก็ไม่จำเป็นต้องเลีย top boot นะครับ…และตบท้ายว่า ผมจะไม่มีวันทรยศต่อประชาชนและความถูกต้อง
เป็นอันว่า นายกฯตู่ เสีย “กองหนุน” ไปอีกคนแล้ว ก่อนหน้านี้ “นิด้าโพล” ทำโพล อวยรัฐบาล และ คสช.บ่อยมาก จนมีคนมองว่าเอียงข้างรัฐบาลอย่างที่ คุณอานนท์ รับสารภาพเองว่า สนับสนุนรัฐประหารและสนับสนุนรัฐบาล
คุณพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันนิด้า ก็โพสต์ในเฟซบุ๊กระบุว่า “ได้ข่าวยืนยันมาแล้วว่า โพลสุดท้ายที่ทำเสร็จแล้ว แต่ยังไม่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ของ ผอ.นิด้าโพล เป็นเรื่องเกี่ยวกับการยืมนาฬิกา ถูกผู้บริหารสถาบันระงับการเผยแพร่ ท่าน ผอ.จึงตัดสินใจลาออก เอวังครับ สำหรับ เสรีภาพทางวิชาการ ในสถาบันการศึกษาระดับสูงของประเทศ หากผู้บริหารมีวิธีคิดเช่นนี้”
เรื่องที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีกลาโหม ยืมนาฬิกาหรูเพื่อนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ราคาเรือนละหลายล้านบาทมาใส่กว่า 20 เรือน ที่เป็นข่าว ไม่เพียงเป็นข่าวในสื่อไทยและโซเชียลมีเดียเท่านั้น แต่ยังเป็นข่าวในสื่อดังทั่วโลก แม้แต่สื่อจีนก็ยังเสนอข่าวนี้กันกระฉ่อน ไม่เพียงเจ้าตัวจะเสียหาย รัฐบาลก็เสียหาย ชื่อเสียงประเทศไทยก็เสียหาย เพราะไม่มีใครยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
ยิ่ง คุณวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. ออกมาตอบคำถามนักข่าวว่า “ถ้า พล.อ.ประวิตร ยืมนาฬิกาหรูมาจริง ก็ไม่จำเป็นต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน เพราะการแสดงบัญชีทรัพย์นั้น จะต้องเป็นของตัวเอง ของคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเท่านั้น” ถือเป็นการ ชี้โพรงให้กระรอก เพื่อปกป้องคนคนเดียว ถ้ากฎหมาย ป.ป.ช. เป็นเช่นนี้จริง ต่อไปนี้ ข้าราชการและนักการเมืองทุกคน ก็สามารถ ยืมนาฬิกาหรู ยืมรถยนต์หรู ยืมบ้านหรู ยืมอะไรต่ออะไรอีกมากมายไปจนถึง การยืมเงินมาใช้ก่อนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องแสดงบัญชีทรัพย์หรือรายได้
อนาคตประเทศไทยจะเป็นเช่นไร แม้แต่ AI ที่ฉลาดที่สุดก็ยังคิดไม่ออก
มีความเห็นของ คุณปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ซึ่งเคยถูกย้ายเพราะแสดงความเห็นเรื่องน้องชายนายกฯ เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งผมเชื่อว่าน่าจะเป็นของจริง เพราะไม่มีการปฏิเสธ ระบุว่า “ทำไมถึงคิดอย่างนี้ ไม่ใช่ทรัพย์สินของตนเอง ไม่ต้องแสดงในบัญชีทรัพย์สิน อีกหน่อยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักการเมืองก็จะอ้างว่า รถหรูคันนี้ (หรือบ้านหลังนี้หรือก้อนนี้) ผมยืมเพื่อนมาก่อนพ้นหน้าที่ ผมก็คืนไปแล้ว จึงไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน ถ้าทำอย่างนี้ได้ ป.ป.ช.ไม่ต้องตรวจสอบใครอีกแล้วครับ อย่าลืมสิครับ การยืมใช้คือ การได้ประโยชน์อันอาจคำนวณเป็นเงินได้ เมื่อคำนวณเป็นเงินได้ ต้องถือว่าคนยืมได้รับประโยชน์…”
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ ถ้าผลสอบ ป.ป.ช.ออกมาไม่ผิด อนาคตประเทศไทยยุค 4.0 จะเป็นอย่างไร ผมนึกไม่ออกครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”