ในวันนี้ที่ ปธน.ทรัมป์แถลงในการประชุมคณะรัฐมนตรีก็พูดจาได้เลวร้ายมาก โดยพูดทวงบุญคุณคนทั้งโลกว่ากินเงินของสหรัฐแล้วกลับทำตัวเป็นศัตรูกับสหรัฐ โดยก่อนหน้านั้นสองวันก็ขู่ชาติต่างๆ ในที่ประชุมของสหประชาชาติโดยผ่าน นางนิกิ ฮาเลย์ ทูตสหรัฐประจำองค์การสหประชาชาติ โดยส่งจดหมายขู่ไปยังประเทศต่างๆ ว่า ประธานาธิบดี(ทรัมป์)จะเฝ้าดูการลงมติครั้งนี้อย่างจดจ่อ และข้าพเจ้าจะบันทึกทุกการโหวตในเรื่องนี้รายงานว่าประเทศไหนโหวตต่อต้านเรา “the president will be watching this vote carefully and has requested I report back on those countries who voted against us. We will take note of each and every vote on this issue.”

และต่อมาในวันนี้ ปธน.ทรัมป์ก็พูดด้วยปากของตัวเองว่า สำหรับชาติต่างๆ ที่ใช้เงินของเรา และโหวตต่อต้านเราในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ หรือโหวตต่อต้านเราในที่ประชุมใหญ่สหประชาติ พวกนั้นเอาเงินของเราไปร้อยล้านพันล้านดอลล่า แต่โหวตต่อต้านเรา ดีแล้ว..เราจะจับตามองพวกที่โหวตเหล่านั้น ปล่อยให้โหวตแบบนั้นไปเถอะ เราจะได้ประหยัดเงินไปมาก เราไม่สนใจหรอก
“For all of these nations that take our money and then they vote against us at the Security Council, or they vote against us potentially at the [General] Assembly,” Trump said ahead of the UN General Assembly will vote on that resolution on Thursday. “They take hundreds of millions of dollars, and even billions of dollars, and then they vote against us. Well, we’re watching those votes. Let them vote against us. We’ll save a lot. We don’t care,” he added.

ถ้าจะพิจารณาข้อความในจดหมายของ นางนิกิ ฮาเลย์ ทูตสหรัฐประจำองค์การสหประชาชาติแล้วจะเห็นว่าเรื่องการโหวตครั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องส่วนรวมของความสงบสุขของโลกอีกต่อไป ซึ่งปาเลสไตน์กำลังจะยื่นเรื่องไปยังที่ประชุมใหญ่องค์การสหประชาติที่มีสมาชิก 193 ชาติให้พิจารณาวาระพิเศษในครั้งนี้ ซึ่งตุรกี อาเซอร์ไบจาน และอิหร่าน ตกลงจะโหวตร่วมในการนี้ โดยปาเลสไตน์ได้ให้ความเห็นว่านี่คือการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตของ ปธน.ทรัมป์

เครดิตภาพ เดอะการ์เดียน