หนึ่งในเครื่องบรรณาการที่สมเด็จพระนารายณ์โปรดให้คณะทูตของโกษาปานนำไปถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ แห่งฝรั่งเศสมีปืนใหญ่อยู่ ๒ กระบอก ซึ่งถูกถึงอยู่ในรายการเครื่องบรรณาการที่ตีพิมพ์อยู่ใน ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๔๖ จดหมายเหตุของคณะพ่อค้าฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา ตอนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภาคที่ ๖ ความว่า
“ปืนใหญ่ ๒ กระบอกยาว ๖ ฟิต เปนปืนกลึงด้วยมือมิได้เอาเข้าไฟหล่อ มีปลอกเงิน ตั้งบนแท่นมีล้อ ฝังลายเงิน เปนปืนที่ทำในเมืองไทย”
.
ปืนใหญ่นี้ปรากฏอยู่ในภาพพิมพ์เหตุการณ์วันที่ ๑ กันยายน ค.ศ. ๑๖๘๖ (พ.ศ. ๒๒๒๙) ตอนที่คณะทูตของออกพระวิสุทสุนธร (ปาน) หรือ “โกษาปาน” ได้เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ โดยถูกวางกองรวมไว้กับเครื่องบรรณาการอื่นจำนวนมากด้วย
.
จากการศึกษาของ คุณไกรฤกษ์ นานา พบว่าปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกนี้ถูกเก็บรักษาไว้ที่ “แองวาลิด” (Hôtel national des Invalides) ซึ่งพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ทรงสร้างให้เป็นโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และยังทำหน้าที่เป็นคลังแสงเก็บอาวุธไปในตัวด้วย
.
จนกระทั่งเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสขึ้น ในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๗๘๙ (พ.ศ. ๒๓๓๒) ประชาชนในปารีสได้เริ่มก่อการปฏิวัติด้วยการบุกไปทลายคุกบาสตีย์ (Bastille) ปืนใหญ่จากอยุทธยาทั้ง ๒ กระบอกนี้เป็นหนึ่งในอาวุธที่ถูกนำออกมาจากคลังแสงและใช้ทำลายประตูคุกด้วย
.
หลังจากนั้นปืนทั้งสองจึงถูกนำกลับไปเป็นรักษาที่แองวาลิด ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์การทหาร (Musée de l’Armée) และเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์อาวุธโบราณที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส โดยคุณไกรฤกษ์ นานา ได้เดินทางไปสำรวจเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๗ จึงได้รับคำตอบจากภัณฑารักษ์ (หลายคน) ตอบแบบเดียวกันว่า “ปืนใหญ่ทั้ง ๒ กระบอกเคยอยู่ที่นี่จริง แต่ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปอยู่ในห้องเก็บของมีค่าที่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าชมแล้ว และก็ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนในเวลานี้”
ดูเหมือนปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกจะหายสาบสูญไปแล้ว แต่ความเป็นจริงอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากปืนใหญ่ ๑ ใน ๒ กระบอกนั้นได้ถูกนำมาจัดแสดงในนิทรรศการ “Visitors to Versailles 1682-1789” ที่พระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศสแล้วในเวลานี้
.
จากการศึกษาของ Antoine Leduc พบว่าปืนใหญ่กระบอกที่นำมาจัดแสดงนี้ เดิมเก็บรักษาไว้ที่ Garde-Meuble de la Couronne ซึ่งเป็นท้องพระคลังหลวงของราชสำนักฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันคือ ออเตล เดอ ลา มารีน (Hôtel de la Marine) ที่จุตรัสปลาส เดอ ลา กงกอร์ด (Place de la Concorde) ซึ่งก็ปรากฏในเอกสารฝรั่งเศสระบุตรงกัน (ต่างจาก ไกรฤกษ์ นานา ที่ระบุว่าอยู่ที่แองวาลิดตั้งแต่แรก) ก่อนที่จะถูกชาวปารีสบุกเอาออกมาในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๗๘๙ และนำไปใช้ยิงคุกบาสตีย์ในวันถัดมา หลังจากนั้นก็ถูกนำไปเก็บรักษาที่แองวาลิดซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ปืนใหญ่ (musée d’Artillerie) ในเวลานั้น
จนถึงฤดูร้อน ค.ศ. ๑๘๑๕ (พ.ศ. ๒๓๕๘) กองทัพปรัสเซียและอังกฤษบุกโจมตีกรุงปารีสและได้นำปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกออกมาจากแองวาลิด โดยกระบอกหนึ่งถูกขนย้ายไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษซึ่ง Antoine Leduc ได้ค้นพบเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. ๒๐๑๔ (พ.ศ. ๒๕๕๗) ในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งของประเทศอังกฤษที่ปิดทำการไปแล้ว จึงได้นำมาจัดแสดงที่แวร์ซายส์ในปัจจุบัน
ส่วนปืนอีกกระบอกยังหาไม่พบ แต่เชื่อไม่น่ายากเกินความพยายามครับ
.
เมื่อพิจารณาจากปืนใหญ่ที่นำมาจัดแสดง พบแต่ส่วนกระบอกปืน ส่วนฐานติดล้อหายไป ตัวกระบอกทำจากโลหะประดับลายคร่ำเงินแบบไทยตรงกับรายการเครื่องบรรณาการ จึงน่าเชื่อได้ว่าปืนกระบอกนี้ก็คือปืนใหญ่ที่สมเด็จพระนารายณ์พระราชทานมาให้พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ นั่นเอง
สำหรับผู้ที่อยากไปชมปืนใหญ่กระบอกนี้ของจริง จะถูกจัดแสดงอยู่ที่นิทรรศการในแวร์ซายส์จนถึงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ปีหน้าครับ
—————————————————–
เอกสารอ้างอิง
– ไกรฤกษ์ นานา. ปืนใหญ่พระนารายณ์ใช้ยิงป้อมบาสตีย์. ศิลปวัฒนธรรม ฉบับ ธันวาคม ๒๕๕๗
– ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๔๖ เรื่องจดหมายเหตุของคณะพ่อค้าฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา ตอนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภาคที่ ๖ นายพันโท หลวงเวชยันต์รังสฤต (มุนี มหาสันทนะ) พิมพ์ในงานปลงศพสนองคุณ นางแย้ม ภรรยาหมื่นพรหมวรานุรักษ์ กันนางสาวเยื้อน มหาสันทนะ เมื่อปีมะโรง พ.ศ.๒๔๗๑
– https://www.facebook.com/antoine.leduc.5/posts/10212548254495021
.
ภาพประกอบ : ปืนใหญ่ของสมเด็จพระนารายณ์ซึ่งจัดแสดงอยู่ใน “Visitors to Versailles 1682-1789” ที่พระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศส
ที่มาภาพ