21 มกราคม 2562-สำนักข่าวอิศราได้รายงานสกู๊ปข่าวการเปลี่ยนตัวประธานกรรมการคนใหม่ของบริษัท ซ่านโถวจีน จากยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนาย เฉิน อุย ตง ถือเป็นข้อมูลใหม่ หลังจากยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งไม่ถึงเดือน
สืบเนื่องจากหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ในฮ่องกง นำเสนอข่าวว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ได้ใช้หนังสือเดินทางกัมพูชาในการจดทะเบียนเป็นกรรมการเพียงผู้เดียวของ พี.ที. คอร์ปอเรชั่น (P.T. Corporation Company) บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในฮ่องกงเมื่อ 24 ส.ค. 2560 หรือเกือบหนึ่งปี หลังจากหนีออกจากไทยก่อนคำตัดสินคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และน.ส. ยิ่งลักษณ์ ยังได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ บริษัท ซ่านโถว (อ่านแบบจีนแต้จิ๋ว คือ ซัวเถา) อินเตอร์เนชั่นแนล คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัลส์ (Shantou International Container Terminals) หรือ SICT ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับท่าเรือที่ตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้งของจีนด้วยนั้น
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับแจ้งข้อมูลจากแหล่งข่าวในฮ่องกง ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์บริษัท ซ่านโถว ได้เผยแพร่ข้อมูลการเปลี่ยนตัวประธานกรรมการใหม่ จาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็น ชาวจีนที่ชื่อว่า เฉินอุยตง เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2562 ที่ผ่านมา หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2561 นับรวมระยะเวลาไม่ถึงเดือน
อนึ่งก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ในฮ่องกง ระบุในรายงานข่าวว่า บริษัทพี.ที. คอร์ปอเรชั่นฯ ได้เปิดกิจการตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2561 ซึ่งเป็นระยะเวลาเกือบหนึ่งปี ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้หลบหนีการถูกดำเนินคดีจำนำข้าวไปยังประเทศกัมพูชา แต่อย่างไรก็ตามทางการกัมพูชาได้ออกมาปฏิเสธเรื่อง น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ถือครองหนังสือเดินทางประเทศกัมพูชาแล้ว แต่ข้อมูลเอกสารดังกล่าวนั้นกลับแสดงข้อมูลที่ขัดแย้งกับคำชี้แจงของรัฐบาลกัมพูชาโดยสิ้นเชิง
ข่าวชิ้นนี้ ยังระบุว่า เอกสารในการเข้าบริหารบริษัทดังกล่าวถือเป็นหลักฐานอย่างเป็นทางการชิ้นแรกที่แสดงถึงการทำธุรกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์นับตั้งแต่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้หนีคดีไป จนถึงบัดนี้ยังไม่มีข้อมูลออกมาว่าบริษัทดังกล่าวนั้นเป็นบริษัทอะไรกันแน่ แต่หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ก่อตั้งบริษัทดังกล่าวเพียงแค่ 4 เดือน ก็มีรายงานออกมาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เข้าไปนั่งเป็นประธานบริหารบริษัทซ่านโถว คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล บริหารท่าเรือซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
เมื่อสำนักข่าวเซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อมูลบริษัท ตามที่อยู่คือ ชั้น 66 ตึก K11 Atelier ในย่านจิมซาจุ่ย พบว่าขณะนี้ออฟฟิศดังกล่าวนั้นมีผู้ถือครองคือบริษัท Pacific International Capital และมีผู้อำนวยการบริษัทคือ Chen Huaidan ซึ่งเคยใช้ชื่อ Celine Tang
โดยพนักงานของบริษัทให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ปฏิเสธว่าไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับบริษัท P.T. Corporation และความเกี่ยวข้องเกี่ยวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาก่อน
ต่อมา สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า ผู้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัท P.T. Corporation ในฮ่องกง คือ บริษัท P.T. Corporation ซึ่งเป็นธุรกิจของคนในครอบครัวชินวัตร ในประเทศไทย และยังเป็นผู้ถือหุ้นเพียงรายเดียวของบริษัทด้วย นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังแจ้งที่อยู่ส่วนตัว คือ บ้านเลขที่ 10 ถนน Severn 8 ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกงด้วย (อ่านประกอบ :ใช้ บ.ลูกทักษิณก่อตั้ง! เปิดครบชุดเอกสาร’ปู’ นั่งบริหารธุรกิจฮ่องกง แจ้งที่อยู่ 10 ถ.Severn8,เปิดตัว 2 เอกชน รับหน้าที่เลขานุการบ.ยิ่งลักษณ์ ในฮ่องกง-ผู้ก่อตั้งถือหุ้นใหญ่สุด403บาท)
ขณะที่ ในช่วงบ่ายวันที่ 14 ม.ค.2562 เว็บไซต์ เดอะพนมเปญโพสต์ สื่อในประเทศกัมพูชา ได้เผยแพร่ข่าวกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา และหน่วยงานด้านความร่วมมือนานาชาติ ได้มีท่าทีร่วมกันว่าจะมีการยกเลิกการออกหนังสือเดินทางทางการทูตให้กับบุคคลที่ไม่ได้เกิดในประเทศกัมพูชา โดยนักวิเคราะห์ได้แสดงความเห็นว่าท่าทีดังกล่าวนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีที่มีรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยนั้นได้ใช้หนังสือเดินทางประเทศกัมพูชาเพื่อจดทะเบียนบริษัทในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง
เนื้อข่าวระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลกัมพูชาได้ออกข้อกำหนดว่าด้วยการออกหนังสือเดินทางให้แก่ชาวต่างประเทศที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาและผู้ช่วยของบุคคลทางการเมืองระดับสูงในประเทศกัมพูชาและหน่วยงานรัฐบาล ซึ่งรายละเอียดของข้อกำหนดนั้นเป็นเอกสาร 2 หน้า ที่ออกเมื่อตอนวันที่ 9 ม.ค. ลงนามโดยสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุว่าการออกหนังสือเดินทางทางการทูตให้กับบุคคลต่างชาติที่เป็นที่ปรึกษาและผู้ช่วยบุคคลและหน่วยงานในรัฐบาลกัมพูชา บุคคลนั้นจะต้องมีสัญชาติกัมพูชา และยังระบุอีกว่าการออกหนังสือเดินทางทางการทูตนั้นจะต้องไม่ออกให้กับผู้ที่ไม่ได้เกิดในประเทศกัมพูชา ยกเว้นว่าเป็นกรณีจำเป็นจริงๆ
ขณะที่นายขิน แผ (Kin Phea) ผู้อำนวยการสถาบันว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างต่างประเทศของราชบัณฑิตกัมพูชา ได้ออกมาวิเคราะห์ถึงการออกข้อกำหนดดังกล่าวนี้ว่าอาจจะเชื่อมโยงกับกรณีที่มีรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือบุคคลอื่นนั้นมีส่วนพัวพันกับการออกหนังสือเดินทางทางการทูต
นายขินกล่าวด้วยว่าที่ผ่านมานั้นกัมพูชาได้ปฏิเสธต่อสื่อมาโดยตลอดว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งการปฏิเสธของทางการกัมพูชาและการที่ไม่ทำอะไรนั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว ถ้าทางประเทศไทยไม่ได้ประสานขอความร่วมมือเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์มายังกัมพูชา และเรื่องดังกล่าวดูจะไม่สำคัญจนไปกระทบกับความสัมพันธ์กับทางไทยและกัมพูชา