พิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เชื่อปี 2561จะไม่มีเลือกตั้ง เสนอสองพรรคการเมืองใหญ่ทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทยจับมือกันต่อสู้เอาประชาธิปไตยคืนมา ขณะที่หัวหน้าทีมกฏหมายพรรคประชาธิปัตย์ วิรัตน์ กัลยาศิริ ตั้งคำถามจี้รัฐบาล คสช.6คำถาม
เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2561 นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2561 ว่า ในสถานการร์แบบนี้ แม้จะไม่มีการฟังธงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ตนเชื่อว่าปี 2561จะไม่มีการเลือกตั้ง แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไปจับมือกับทหาร จัดตั้งรัฐบาลนั้น ส่วนตัวยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่วันนี้ตนอยากเห็นพรรคการเมืองจับมือร่วมกันต่อสู้เพื่อเอาประชาธิปไตยคืนมา มากว่าจะไปร่วมมือกันทหาร วันนี้ตนอายุมากกแล้ว คงไม่มีโอกาสได้เห็นประชาธิปไตยที่แท้จริงอีกต่อไป เพราะดูจากการเขียนรัฐธรรมนูญออกมาหน้าตาอย่างนี้ ดูเหมือนผู้มีอำนาจยังต้องการเป็นรัฐบาลต่อไป โดยมี ส.ว. 250 คนมาเป็นกำลังหนุน
“จึงไม่มีทางอื่นที่พรรคการเมืองจะต่อสู้ได้ นอกจากพรรคการเมืองใหญ่จะต้องหันหน้ามาจับมือไม่ว่าประชาธิปัตย์ หรือเพื่อไทย แม้จะเป็นได้ยาก เพราะ 2 พรรคนี้มีบาดแผลต่อกัน แต่ต้องทำ ถ้าไม่ทำจะไม่มีทางชนะ และจัดตั้งรัฐบาลได้โดยประชาธิปัตย์และเพื่อไทย ต้องทำเพื่อที่จะสู้ให้ได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา เพราะถ้าสู้ในกติกานี้โดยไม่ร่วมมือกันอย่างไรก็ไม่มีทางชนะ” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย ได้กล่าวถึงสถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป ว่า ที่ผ่านมาหัวใจตนสนับสนุน นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ในการนำพรรคประชาธิปัตย์สู้ศึกเลือกตั้ง แต่เมื่อนายสุรินทร์ จากไปแล้ว ซึ่งตนเศร้าใจเสียใจ เพราะทำให้ประชาธิปัตย์ขาดกำลังสำคัญ ดังนั้นในใจตนตอนนี้มองเห็น 4 – 5 คนที่จะร่วมกันนำประชาธิปัตย์สู้ศึกเลือกตั้ง มีทั้งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นต้น
“เวลานี้เห็นว่าผู้ที่เหมาะสมที่สุดคือนายชวน ที่จะนำพรรคสู้ศึกเลิกตั้งครั้งหน้า แล้วให้นายบัญญัติ นายจุรินทร์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เป็นรองหัวหน้าพรรค คอยช่วยขับเคลื่อนพรรค ซึ่งทีมเวิร์คแบบนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากเห็น ถึงแม้ว่านายชวนจะมีอายุมากแล้วก็ตาม เพราะถ้าไม่ใช่นายชวน ผมก็ยังมองไม่เห็นคนอื่นหรือทางอื่นที่ประชาธิปัตย์จะได้คะแนนมากกว่าที่คาดไว้ในสถานการณ์แบบนี้” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ขณะที่ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปี 2561นี้ ขอตั้งคำถามสำหรับรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่เหลืออายุ 1 ปี ตามโรดแม็พที่ให้คำมั่นเอาไว้ คือ
1.รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ยังอยู่ในหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัดหรือไม่
2.การใช้มาตรา44 ซึ่งเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จ ไปแก้ปัญหา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ผ่านสภานิติบัญญัติแก่งชาติ(สนช.)มาโดยชอบนั้น ถูกต้องหรือไม่
3.หลักคุณธรรม ยึดถือความถูกต้องดีงามหรือไม่ เพราะมีประเด็นให้ประชาชนสงสัย ค้างคา ตอบสังคมไม่ได้ในหลายเรื่อง
4.หลักความโปร่งใส ที่ต้องเปิดเผยตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล คสช. หลายเรื่องที่ผ่านมาได้เปิดเผยตรงไปตรงมาต่อสังคมมากพอแล้วหรือไม่
5.หลักการมีส่วนร่วมรัฐบาลนี้ ยิ่งอยู่นานประชาชนยิ่งมีส่วนร่วมน้อยลง เป็นแนวคิดระบบราชการของผู้มีอำนาจ เป็นจุดที่น่ากังวล
6.ความรับผิดชอบต่อการบกพร่องในหน้าที่ ซึ่งยิ่งนานวันความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจ ยิ่งน้อยลงจะเป็นเพราะต้องการเสพอำนาจต่อหรือไม่ก็สุดแท้แต่ การประกาศวันเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 แล้วมีท่าทีจะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีกจึงขอยกคำพูดพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เตือนสติว่า นายกฯใช้กองหนุนหมดแล้ว