ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 4 ปี “วัฒนา” มือบึ้มโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ส่วนข้อหาพยายามฆ่า นัดสืบพยานประกอบ 16 ตุลาคมนี้
13 ก.ย.60 – ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย 2 คดี กรณีเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา หรือตุ่ม ภุมเรศ อายุ 62 ปี อดีตวิศวกรการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นจำเลย รวม 2 คดี ในความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทำให้เกิดระเบิด ทำให้เสียทรัพย์ พกพาอาวุธระเบิดไปในที่สาธารณะ และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน, พ.ร.บ.สิ่งเทียมอาวุธปืน, พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ และข้อหาอื่นๆ
อัยการโจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 21- 22 พ.ค. 2560 จำเลยได้ประกอบระเบิด แสวงเครื่องชนิดจุดปะทุด้วยไฟฟ้า เป็นระเบิดแรงต่ำชนิดดินดำ ประกอบไว้ในท่อพลาสติกพีวีซี สีฟ้า หรือเรียกว่า “ไปป์บอมบ์” โดยมีตะปูเข็มเป็นสะเก็ดระเบิด ใส่ไว้ในแจกันดอกไม้พลาสติก 1 ลูก ซึ่งเมื่อเกิดระเบิด จะทำอันตรายต่อร่างกายบาดเจ็บ เสียชีวิต และทำลายทรัพย์สินได้ในรัศมี 5 – 10 เมตร จากนั้นจำเลยได้นำแจกันซึ่งใส่ระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวเดินทางโดยรถเมล์จาก ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ไปตาม ถ.จรัญสนิทวงศ์ ไปที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ จากนั้นได้นำแจกันดอกไม้ที่ใส่วัตถุระเบิดไปติดไว้ที่บนผนังห้องวงษ์สุวรรณ แล้วเปิดสวิชต์ทำให้วงจรระเบิดทำงาน เป็นผลให้ พ.ท.กฤษฎา อินทรณเดช, พ.อ.หญิงพูนศรี บุญปาลิต และผู้เสียหายอื่นทั้งทหารและพลเรือนรวม 21 คน บาดเจ็บ โดยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เพราะแรงระเบิดและสะเก็ดระเบิดไม่ถูกอวัยวะสำคัญของผู้เสียหายทั้ง 21 คน จึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย แต่ทำให้ พ.อ.หญิงพูนศรี กับผู้เสียหายอื่นรวม 5 คน ได้รับอันตรายสาหัส และบุคคลอื่นทีเหลือได้รับอันตรายแก่กาย นอกจากนี้ยังทำให้กล้องวงจรปิด อุปกรณ์อื่นของโรงพยาบาลพระมงกุฏได้รับความเสียหายรวม 1,201,000 บาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของจำเลยย่าน จ.นนทบุรี พร้อมยึดอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิด ประกอบด้วยแบตเตอรี่ ชิ้นส่วนตัวเก็บปะจุไฟฟ้า ชิ้นส่วนท่อพีวีซี สวิชต์ ตะปู ขออลูมิเนียม ซึ่งเป็นส่วนประกอบของวัตถุระเบิด ดำเนิน จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
ส่วนอีกคดีนั้นพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 ได้ยื่นฟ้องนายวัฒนา ในความผิดฐานประกอบ ทำ และมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครอบครองได้ มียุทธภัณฑ์ (วัตถุระเบิดชนิดดินดำ) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
กรณีเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2560 จำเลยได้กระทำผิดโดยประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องชนิดไปป์บอมบ์ 4 ลูกขึ้นเอง ซึ่งเป็นระบบไฟฟ้า มีตัวตั้งเวลา และระเบิดดินดำ ในท่อพลาสติก พีวีซี.สีฟ้า โดยใส่ไว้ในกระถางสีน้ำตาล เมื่อเกิดระเบิดจะก่อให้เกิดอันตรายรัศมีฉกรรจ์ 5 -10 เมตร นอกจากนี้ยังพบดินดำ 3 กระปุก กระสุนลูกกรดขนาด .22 จำนวน 39 นัดภายในบ้านพักจำเลยย่านบางเขน กทม. เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นของกลางดำเนินคดี
โดยวันนี้ศาลเบิกตัวนายวัฒนา จำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาสอบคำให้การโดยนายวัฒนาไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพแต่อย่างใด
ต่อมาศาลประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2868/2560 และ คดีหมายเลขดำ อ.2869/2560 ตามลำดับ ศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้นายวัฒนาจำเลยฟังทั้ง 2 คดี พร้อมสอบคำให้การปรากฏว่า นายวัฒนา แถลงให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ไม่ต่อสู้คดี
ศาลจึงพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2869/2560 ฐานประกอบ ทำ และมีวัตถุระเบิดฯ จำคุก 4 ปี ฐานมีเครื่องยุทธภัณฑ์ ( ระเบิดดินดำ) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกอีก 4 ปี รวม 8 ปี และฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองฯ ปรับ 1,950 บาท จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 4 ปี ปรับ 975 บาท ริบของกลาง ส่วนคดีหมายเลขดำ อ.2868/2560 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นฯ นั้น ศาลนัดสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพจำเลยในวันที่ 16 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.