*(ซ้าย) นมอัดเม็ดจิตรลดา (ขวา) นมอัดเม็ดจีนเลียนแบบ

จากกรณีชาวจีนก็อปนมอัดเม็ดสวนจิตรลดา หลังกระแสดีจนขาดตลาด คล้ายทั้งซอง พร้อมข้อความสุด

มึนงง ทำเอาโลกโซเชียลไม่พอใจ ล่าสุดเพจดังนำข้อมูลออกมาแฉ นมอัดเม็ดจีนไม่ใช่แค่ก็อปรูปแบบซอง แต่ถึงขั้นสวมบาร์โค้ดแอบอ้างว่าเป็นสินค้าของโครงการหลวงจิตรลดา

นมอัดเม็ด 点点龙 “นมนำเหลือง” ของเลียนแบบจีน แบ่งเป็นสองรสชาติคือรสรวม (ซองสีน้ำตาล) และรสดั้งเดิม (ซองสีน้ำเงิน)

โดยเพจเฟสบุ๊ค อ้ายจง เป็นผู้เปิดเผยหลักฐานดังกล่าว ใช้วิธีนำเอารหัสบาร์โค้ดของนมอัดเม็ดจีน รหัสบาร์โค้ด 8850901050138 ไปเช็คที่เว็บไซต์ gepir.gs1.org ซึ่งเป็นเว็บสำหรับตรวจสอบข้อมูลสินค้าจากรหัสบาร์โค้ด ปรากฎว่านมอัดเม็ดจีนได้แอบอ้างสวมบาร์โค้ดของโครงการหลวงจิตรลดา โดยรหัส 885 คือรหัสบาร์โค้ดของประเทศไทย เลข 4 ตัวหลัง หมายถึงบริษัทผู้ผลิต ซึ่ง 0901 เป็นของโครงการหลวงจิตรลดา
เพจเฟสบุ๊ค อ้ายจง  ได้ระบุข้อมูลว่า

ความจริงเปิดเผย นมอัดเม็ด 点点龙 “นมนำเหลือง” ของจีน ที่เป็นประเด็นดังช่วงนี้ “ปลอมบาร์โค้ดของโครงการหลวงจิตรลดา” หลักฐานขิ้นสำคัญ หรือจะตั้งใจเลียนนมอัดเม็ดชื่อดังของไทย?

หลังจากตรวจสอบประเด็นนมนำเหลืองมาสองวันติด อ้ายจงเพิ่งทราบวิธีการเช็คบาร์โค้ดจากรุ้นพี่ที่เคารพคนหนึ่ง จึงได้ทำการนำรหัสบาร์โค้ดหลังซองของ “นมนำเหลือง” รหัสบาร์โค้ด 8850901050138 ไปเช็คที่ gepir.gs1.org ปรากฏว่าเจอเต็มๆครับ เจ้านี้เขาปลอมบาร์โค้ดของโครงการหลวงจิตรลดา จึงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงมีบาร์โค้ดรหัสประเทศไทย 885 โดยเลข 4 ตัวหลังจะหมายถึงบริษัทผู้ผลิต ซึ่ง 0901 คือของโครงการหลวงจิตรลดาครับ

ดูรูปที่ 4 ได้ครับ รหัสหลังซองของโครงการหลวงจิตรลดา ขึ้นต้นด้วย 8850901

ดังนั้น ตรงนี้น่าจะเป็นข้อสังเกตได้ว่า “นมอัดเม็ด นมนำเหลือง” น่าจะไม่ได้ทำที่ไทย และเหมือนจะจงใจลอกเลียนแบบนมอัดเม็ดจิตรลดาครับ

เดี๋ยวจะโพสต์ลงโซเชียลจีน เพื่อดูว่าฝั่งจีนว่าไงบ้าง คืออันนี้ก็อปบาร์โค้ดของโครงการหลวง น่าจะเรื่องใหญ่เลย

สำหรับใครงงว่า ทำไมต้อง “นมนำเหลือง” ? ประเด็นนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร? ดูได้ที่นี่ http://welovechina.co/nom-num-luang/

อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลจาก สำนักข่าว MGR Online เองก็ได้ระบุไว้เช่นกันว่า  ในเว็บไซต์เถาเป่านอกจากนมอัดเม็ดยี่ห้อ “นมนำเหลือง” ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับนมอัดเม็ดจิตรลดาแล้ว ยังมีสินค้าอื่นๆ อย่าง ลูกอมรสนมตราหัวช้าง ที่บรรจุภัณฑ์มีลักษณะคล้ายคลึง ทั้งยังวางจำหน่ายในขนาด 25 กรัม และระบุว่าผลิตที่ประเทศไทยอีกด้วย

เรื่องเหล่านี้ นับว่าเป็นเรื่องน่าติดตามดู เพราะถือว่าเป็นการกระทำให้ประชาชนคนไทยรู้สึกไม่สบายใจ
ส่วนทางรัฐบาลไทย โดยเฉพาะ กระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงพาณิช จะสามารถติดตามปัญหาเหล่านี้ในต่างประเทศได้หรือไม่? คงต้องติดตามดูกันครับ