สหรัฐฯ ประกาศถอนตัวจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน UN ปมถูกวิจารณ์การแยกเด็กๆ ผู้อพยพจากพ่อแม่ที่ข้ามชายแดน  ซัดเป็นแหล่งรวมของคนที่มีอคติทางการเมือง

นางนิกกี้ เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ แถลงการตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่จะลาออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHRC พร้อมนายไมค์ ปอมปิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ทั้งสองยืนยันว่าสหรัฐฯ จะให้ยังให้การสนับสนุนด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเข้มแข็ง

การแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสิทธิมนุษยชนของ UNHRC วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสหรัฐฯ ในกรณีการแยกเด็กๆ ผู้อพยพจากพ่อแม่ที่ข้ามชายแดนจากเม็กซิโกไปยังสหรัฐฯ

นางเฮลีย์ และนายปอมปิโอ ย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากความพยายามผลักดันปฏิรูป UNHRC มานานนับปี ไม่เป็นผล เช่นเดียวกับความพยายามถอดรัฐสมาชิกที่กระทำผิด ก็ประสบความล้มเหลว นางเฮลีย์กล่าวว่า การปฏิรูปมีความจำเป็นเพื่อให้คณะมนตรีสนับสนุนงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง แต่คณะมนตรีฯ ได้กลายเป็นผู้ปกป้องการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเป็นแหล่งรวมของคนที่มีอคติทางการเมือง

ด้านนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุในแถลงการณ์ผ่านโฆษกว่า สหรัฐฯ ควรอยู่ใน UNHRC ต่อไป ขณะที่นายซาอิด ราอัด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ ระบุว่า การถอนตัวของสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง แต่ก็ไม่น่าประหลาดใจนัก เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลกในปัจจุบัน สหรัฐฯ ควรก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่เดินถอยหลัง

แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐฯ ปฏิเสธการเข้าร่วม UNHRC โดยเมื่อปี 2549 สหรัฐฯ คว่ำบาตรไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะมนตรีฯ เนื่องจากยอมรับประเทศที่มีประวัติละเมิดสิทธิมนุษยชนมาเป็นสมาชิก และการประณามอิสราเอลอย่างต่อเนื่องในกรณีปาเลสไตน์

ต่อมาในปี 2552 สหรัฐฯ กลับเข้าร่วมเป็นสมาชิกอีกครั้งในสมัยของประธานาธิบดีบารัก โอบามา และได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกเมื่อปี 2555