อิสราเอลสั่งไล่ทูตระดับสูงของตุรกีออกจากประเทศ หลังตุรกีใช้มาตรการแบบเดียวกัน เพื่อประท้วงเหตุนองเลือดที่ชายแดนฉนวนกาซา ที่ปาเลสไตน์ออกมาต่อต้านการเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ในเยรูซาเลม…
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 15 พ.ค. ทางการอิสราเอลเนรเทศนาย ฮุสนู กูร์คาน กงสุลใหญ่ตุรกีในนครเยรูซาเลมกลับประเทศ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนาย เอตาน นาอีห์ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำตุรกีถูกส่งกลับ หลังฝ่ายตุรกีไม่พอใจที่เกิดเหตุนองเลือดขึ้นระหว่างการประท้วงที่ชายแดนฉนวนกาซา ซึ่งทำให้มีชาวปาเลสไตน์ที่มาชุมนุมต่อต้านการเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ในเยรูซาเลม เสียชีวิตไปถึง 60 ราย
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลของประเทศเบลเยียมเรียกตัวนาง ซิโมนา แฟรงเคิล เอกอัครราชทูตอิสราเอล เข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงต่างประเทศในวันพุธนี้ เช่นเดียวกับทางการไอร์แลนด์ ที่เรียกตัวนาย ซีฟ โบเกอร์ เอกอัครราชทูตอิสราเอลเข้าพบ เพื่อแสดงความตกใจและผิดหวังที่เกิดเหตุนองเลือดในฉนวนกาซา ทั้ง 2 ประเทศยังเรียกร้องให้นานาชาติร่วมกันสืบสวนว่า เหตุนองเลือดที่เกิดขึ้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดสถานทูตของสหรัฐฯ หรือไม่ด้วย
ชาวอิสราเอลฝ่ายซ้าย ออกมาเดินขบวนในนครเทลอาวิฟ เพื่อแสดงความไม่ยอมรับต่อเหตุนองเลือดที่เกิดขึ้นที่ฉนวนกาซา
ทั้งนี้ หลายประเทศเริ่มออกมาตำหนิประเทศอิสราเอล หลังเมื่อวันจันทร์ที่ 14 พ.ค. ทหารยิวใช้อาวุธปืนกระสุนจริงและแก๊สน้ำตายิงเข้าใส่ชาวปาเลสไตน์นับหมื่นคนที่พยายามบุกฝ่ายแนวรั้วกั้นชายแดนฉนวนกาซา และบุกไปยังนครเยรูซาเลม เพื่อประท้วงที่สหรัฐฯ การเปิดสถานทูตสหรัฐฯ เพราะจะกลายเป็นการยกสถานะเมื่อศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอลโดยปริยาย ผิดข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์เมื่อปี 2526 ที่กำหนดให้มีการหารือเรื่องสถานะของเยรูซาเลมในการเจรจาสันติภาพครั้งแต่ไป
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุนองเลือดที่ฉนวนกาซา รัฐบาบประเทศแอฟริกาใต้ได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตของพวกเขาประจำอิสราเอลกลับประเทศ และประณามอิสราเอลอย่างรุนแรงที่ใช้กำลังปราบปรามชาวปาเลสไตน์ ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น ฝรั่งเศส และเยอรมนี ก็ออกมาร่วมประณามอิสราเอลเช่นกัน ผิดกับออสเตรเลียที่กล่าวโทษกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์ที่ปกครองฉนวนกาซาอยู่ ว่าเป็นฝ่ายที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้ากัน
