เมื่อกรรมกำลังตามสนองนายใหญ่
ปราชญ์ สามสี ๑๓ ๑๐ ๒๕๖๐
ช่วงเวลานี้เหมือนจะเป็นวิบากกรรมที่วนเวียนเข้ามาถึงชายที่ขึ้นชื่อว่า เป็น “นายใหญ่” ของกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย เพราะล่าสุด ต่างมีปัญหา ประดังเข้าหาหลายเรื่อง จนทำให้ “นายใหญ่”มีสภาพไม่ต่างกับลิงแก้แห ที่พันอิรุงตุงนังไปกับเรื่องข้อหาทุจริตในอดีตและ ยังจะแก้ไม่ตกเกี่ยวกับข้อหา มีความคิดลอบทำร้ายสถาบันเบื้องสูง
เนื่องจากแกนนำคนเสื้อแดงฮาร์ดคอร์คนใกล้ตัว”นายใหญ่” ออกมาประกาศโพร่งชัดเจนว่า ๒๖ ตุลาคมนี้ จะออกมาป่วนงานพระราชพิธี พระราชทานเพลิงศพ
นายใหญ่ รอปิดเกมได้เลย !
ผลของการที่มีลูกน้องโง่! ที่กล้าทำในเรื่องโง่ๆ ส่งผลให้มวลมหาประชาชน ที่กำลังโศกเศร้ากับการสิ้นพระชนม์ของพระมหากษัตริย์ไทยนั้นต่าง มีความรู้สึก ”โกรธเคือง” ราวกับว่ากำลังจะเป็นคลื่นใต้น้ำ ที่รอจะเช็คบิลกับเสื้อแดงล้มเจ้า และ นายใหญ่คนนี้ เป็นอย่างยิ่ง แม้ประชาชนส่วนใหญ่จะเก็บอาการไว้เพราะยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ให้กับในหลวงรัชกาลที่๙ ก็ตาม
ต่อมา “นายใหญ่” ชิงรีบโพสภาพ “นายใหญ่นั่งกินไอติม และมีภาพ รัชกาลที่๑๐แขวนอยู่ในห้องนั้น” ซึ่งใครมองปราดเดียวก็รู้ว่าเขาพยายามบอกว่า “เขาน่ะจงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูง” แต่นั้นก็ไม่ช่วยอะไรได้มาก เพราะ กลุ่มคนเสื้อแดงที่ประกาศว่าเป็นลูกน้องของนายใหญ่ก็ยังเคลื่อนไหวปลุกระดม หมิ่นสถาบันฯอย่างต่อเนื่องจนปรากฏเป็นข่าวว่า นายใหญ่รีบเร่งให้ลูกน้อง ”หุบปาก” โดยส่ง จักรภพ เคลียใจโดยทันที แต่ดูเหมือนไม่เป็นผล เพราะ กลายเป็นว่ากลุ่มคนเสื้อแดงที่ลี้ภัยออกไปอยู่ในต่างประเทศเพื่อหลบหนีคดี ๑๑๒ ต่างออกปาก ชัดเจนว่า นายใหญ่ทอดทิ้งคนเสื้อแดง ปล่อยให้คนเสื้อแดงต้องลำบากเพราะการปลุกระดมใส่ร้ายสถาบันฯ ในขณะที่คราวนี้ นายใหญ่ก็เอาตัวรอดคนเดียวอีกแล้ว และในจังหวะเดียวกัน ก็ปรากฏ ข้อมูลโทรเลขวิกิลีค ซึ่งถูกเปิดเผยออกมาก็ระบุชัดเจนว่า จากความเห็นของอดีตทูตสหรัฐ”นายใหญ่”คนนี้นั้นแหล่ะครับคือต้นเหตุ การลอบทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยมาตั้งแต่ก่อนปี ๒๕๕๐
งานนี้ ”นายใหญ่” ถึงกับงานเข้าหนัก เพราะตนเองกำลังโดนคนไทยจำนวนมากกำลังโกรธเคือง เกี่ยวกับการป่วนงานพระราชพีธี อีกทั้ง วิกิลีคยังเผยแพร่เอกสารลับจากปากอดีตทูตสหรัฐมายัน เรื่อง ”นายใหญ่หักหลังสถาบัน” และยังโดนคนเสื้อแดงที่ถูกทอดทิ้งต่างรุมถล่มหนัก ”นายใหญ่”จึงโพสออกมาใน ทวิตเตอร์โดยสรุปได้ว่า “ใครก็ตามที่นายใหญ่รู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม เอาชื่อนายใหญ่ไปยุ่งกับเรื่องของสถาบันฯอีกเขาจะฟ้องไม่เลี้ยง!”
ทั้งนี้ เรื่องนายใหญ่ลอยแพเสื้อแดงน่ะไม่ใช่ครั้งแรกครับ เพราะ เดิมที นายใหญ่ก็เคยพยายามที่จะ สลัดคราบนักปฎิวัติด้วยการออกปราศรัย ถีบหัวเรือส่งคนเสื้อแดงด้วยวาทะกรรม
“พี่น้องทำมาเยอะแล้ว แต่เมื่อทำมาจุดหนึ่ง เหมือนผมจะข้ามฝั่ง
พี่น้องแจวเรือพาผมข้ามฝั่ง มาถึงฝั่งผมต้องเดินต่อขึ้นภูเขา
พี่น้องจะแบกเรือขึ้นภูเขาทำไม ถึงเวลาที่ผมจะนั่งรถขึ้นภูเขา
แต่ผมไม่เคยลืมคนขับเรือมาส่งผม เหตุการณ์มันเปลี่ยน
พัฒนาการมันเปลี่ยน หวังว่าพี่น้องจะเข้าใจว่าวันนี้เราได้ทำหน้าที่มาสุดทาง”
จากวาทะกรรมดังกล่าวนั้นก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า มันถึงเวลาแล้วที่”ทักษิณ” จะไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งก่อการร้ายและ เรื่องใส่ร้ายสถาบันฯ แม้ว่าคนเหล่านั้นจะ สนิทกับ”ทักษิณ”แค่ไหนก็ตาม เราดูสิครับ ขนาด นายเอนก ชัยชนะ , จรัณ ดิษฐาพิชัย และ ชีพ ชูชัย นักเคลื่อนไหวในต่างประเทศ ก็ล้วนจะเป็นอดีต คนสนิทนายใหญ่ ทั้งสิ้น รวมไปถึง สุนัย จุลพงศ์ธร, จารุพงษ์ เรืองสุวรรณ และ จักรภพ เพ็ญแข ฯลฯ ก็ล้วนเป็นคนที่นายใหญ่รู้จักดี และอยู่ในเครือข่ายใส่ร้ายสถาบันฯในระดับการเมืองโลกทั้งสิ้น
จากสถานการณ์ที่ นายใหญ่ พยายามไล่ฟ้องร้องผู้คนที่พูดถึงเกี่ยวกับตนในด้านไม่ดีเกี่ยวกับสถาบันฯ นับเป็นลางบอกเหตุที่สำคัญมากว่า นายใหญ่กำลัง”จนมุม” เข้าไปทุกทีแล้ว ลำพังปัญหาเกี่ยวกับคดีทุจริต ที่กำลังนำกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้งก็ทำให้”นายใหญ่”เดือดร้อนหนักแล้ว เช่นคดี หวยบนดินและเรื่องสัมปทานดาวเทียม ยังจะต้องเจอกับประเด็นขบวนการใส่ร้ายเบื้องสูงอีก ในอนาคตก็ยังมีคดีก่อการร้ายที่อยู่บัญชีดำรอคอยสะสางอยู่อีกเช่นกัน จากข้อมูลเหล่านี้ก็พอจะเห็นแล้วว่า นายใหญ่กำลังเข้าสู่จุดเข้าตาจนทุกทีๆ
เพราะฉะนั้นแนวทางสำคัญที่”ทักษิณ”จะต้องทำในเวลานี้คือฟอกขาวด่วน เพื่อสลัดขบวนการล้มเจ้าออกจากเครือข่ายของตนเองนั้นเอง งานนี้ ขบวนการล้มเจ้าอาจถูกลอยแพ เพื่อไม่ให้ถ่วงขานายใหญ่ ในยามที่ตนเองกำลังงานเข้า!
นายใหญ่ถูกใส่ร้ายว่าล้มเจ้าจริงหรือ…ว่าเป็นตัวบงการล้มเจ้าตัวจริง?
เรื่องนี้จาก โทรเลขวิกิลีค ที่ระบุว่า ทักษิณ ชินวัตร มีท่าที ที่จะโค่นล้ม”เศรษฐกิจพอเพียง” อันเป็นการขัดขวางพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจนแล้ว และหากเรามาย้อนดูพฤติกรรม ของกลุ่มนเสื้อแดงเมื่อปี ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นช่วงที่ นายใหญ่ เฟื่องฟู ก็ได้กล่าวประกาศพร้อมบุกทุกเมื่อนั้น ก็จะเห็นได้ว่า นิตยสารในเครือข่ายแดงก็มีการส่งสารเชิงสัญลักษณ์เพื่อล้มล้างการปกครองมาแล้วตั้งแต่ต้น
จึงไม่แปลกเลยว่าสิ่งที่นายใหญ่คิดนั้นไม่ใช่เพียงแต่การทำลายแค่พระมหากษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แต่เจตนาทำลายสถาบันกษัตริย์ทั้งระบบ !การออกตัวแรงเหล่านี้แลกมาด้วยเลือดเนื้อ จึงเกิดเหตุก่อการร้ายปี๒๕๕๓ที่มีประชาชนและทหารตายจำนวนนึง ซึ่งต่อมาก็มีการจับกุมคนเหล่านั้น จนนำสืบมาได้โดยตลอดว่าเป็นกองกำลังเพื่อก่อเหตุความวุนวาย บางส่วนมีความคิดถึงกับแบ่งแยกดินแดนเสียด้วยซ้ำ แต่สุดท้าย เสื้อแดงทั้งหลายก็ตายฟรี เจ็บฟรี และ คุกฟรี ในขณะที่ นายใหญ่ของพวกเขา ยังจิบไวน์ ในมอนเตรเนโกร ดื่มเบียร์ที่โคโลญ และ ช๊อบปิ้งที่ลอนดอน แบบหน้าตาเฉย…
การล้มล้างไม่ใช่ครั้งแรก!
แนวคิดเรื่องการทำลายระบอบกษัตริย์นั้นไม่ใช่ครั้งแรกนะครับที่เกิดขึ้นในประเทศสยาม แต่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ ปี ๒๔๗๕ แล้วครับ ซึ่งเป็นเรื่องคนโลภจำนวนหนึ่ง อ้างประชาธิปไตย โดยแต่งตั้งตนเองเป็น”คณะราษฎร “แล้วหยิบยืมแนวคิดปฎิวัติฝรั่งเศสโค่นล้มสถาบันเบื่องสูงของฝรั่งเศส นำมาใช้เพื่อปล้นอำนาจให้กับตัวเอง สร้างตนเองให้กลายเป็นลเทวดา ด้วยแนวคิดลัทธิบูชารัฐธรรมนูญ สมมุติ ธรรมนูญเป็นสิ่งวิเศษราวเป็นเทพที่ต้องกราบไหว้ แล้วพยายามลบสถานะสถาบันพระมหากษัตริย์ให้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
การทำลายประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี เดิมแล้วเขียนใหม่จึงเกิดขึ้นในยุคมืดแห่งนี้ ดนตรีไทยกลายเป็นของต้องห้าม การรำวงก็ถูกมองว่าล้าหลัง
แต่การเมืองสมัยนั้นเน่าสนิทเต็มไปด้วยการหักหลังกันเองภายในคณะราษฎรด้วยกันเอง แม้ ว่าจะได้อำนาจมาแต่ก็ไม่สามารถรักษาอำนาจของตัวเองได้ ก็ล้มสลายกันไปในที่สุด
หลังเหตุการณ์ ร.๘ ถูกลอบปลงพระชนม์จากน้ำมือคนสนิทนายปรีดี จนปรีดีต้องหนีคดีไปยังต่างประเทศตลอดชีวิต นั้น
ในหลวงร.๙ ทรงกลับมาเพื่อขึ้นครองราช ทรงเห็นบ้านเมืองเต็มไปด้วยบาดแผล แม้แต่วังก็ทรุดโทรมถูกทิ้งร้างไม่ต่างกับซากปรักหักพักที่มีผลมาจากสงครามโลกครั้งที่สอง ในหลวง ร.๙ ทรงเริ่มต้นจากศูนย์ ค่อยๆสร้างบ้านจากอิฐทีละก้อน จนเป็นบ้านเมืองพัฒนาเช่นนี้ก็ใช่เวลาช่วงชีวิตทั้งหมดของพระองค์
ทั้งการพัฒนาการเกษตร,วิทยาศาสตร์, ศิลปะการดนตรี การรื้อฟื้นประเพณีที่ดีงาม จนเกิดเป็นองค์รวมของความรู้ในการพัฒนาชาติ ที่ทำให้บ้านเมืองอยู่ได้ไปอีกนานด้วยทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ล้วนเป็นผลงานของในหลวง ร.๙ทั้งสิ่นที่กอบกู้ ประเทศไทยให้รอดพ้นจากหายนะ
แต่ก็ยังมี โจรใจทราม อ้าง“ประชาธิปไตย” ขโมยอำนาจ หยิบยืมเอาแนวคิดแบบเดียวกับปรีดี แต่งตั้งตนเองเป็นนักปฎิวัติ เล่นการเมืองโดยยุยงปลุกปันให้คนไทยเกลียดชังกันและกัน ฆ่ากันเพื่ออำนาจของตนเอง เหมือนกับที่ปรากฏในหนังสือ TAKSIN เหล่านี้นั้นแหละครับ
นายใหญ่ และคนที่เขาใช้งานนั้นก็ล้วนพยายามสร้างกฏเกณ ว่าประเทศไทยนั้นล้าหลัง เป็นประเทศ สารขัณฑ์ ต้องรื้อทิ้งพวกประเพณีเก่า วัฒนธรรมเก่า อำนาจเก่าๆก็โละทิ้งไป ทั้งๆที่ มันก็ยังไม่รู้กันเลยว่าล้มสถาบันกษัตริย์แล้ว จะไปเป็นแบบไหน? บ้างอ้างคอมมิวนิสต์ บ้างก็อ้างฝรั่งเศส อ้างอเมริกา อ้างกันแบบมั่วๆ แท้จริงก็แค่หวังผลเพื่อให้ เราคนไทยเดินตามตูด “นายใหญ่” แบบที่ไร้รากไทยแท้มาขัดขวางจึงก่อเหตุนั้นแหล่ะครับ
ถ้าใครยังจำได้ เรื่อง นปชUSA เว็บหมิ่นสถาบันฯที่มีฐานในประเทศไทยก็น่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก
บัดนี้ นายใหญ่คนนี้พยายาม อย่างยิ่งที่จะบอกว่าตนเองไม่เคยทำร้ายประเทศ ไม่เคยทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
ข้าพเจ้าจึงขอให้คนไทยทุกท่านที่ได้อ่านบทความของข้าพเจ้า
โปรดอย่าลืม ว่าใครกันแน่คือคนที่ทำให้คนไทยฆ่ากันเพื่ออำนาจของตนเอง
ขอให้คนไทยทุกอย่าได้ลืม และ ได้โปรดแบ่งปันเรื่องราวให้ลูกหลานท่านได้ฟังและรับรู้ว่าในรุ่นของเรานั้นพบเจออะไรบ้าง ตั้งแต่การ พยายามเปลี่ยนแปลงการปกครองมาตั้งแต่ ๒๔๗๕ ซึ่งล้วนเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นจนเกิดหายนะมาโดยตลอดหลายครั้งหลายหน จึงอยากให้ เหตุการณ์ในยุคของเราเป็นยุคสุดท้ายที่จะมีการแก่งแย่งชิงดีด้วยการโฆษณาชวนเชื่อให้โค่นล้มชาติ ล้มพระมหากษัตริย์ ล้มวัฒนธรรมของไทย จริงครับ
เป็นหน้าที่ของคุณและข้าพเจ้าแล้วละครับที่ต้องปกป้องชาติไทย วัฒนธรรมของไทย และ พระมหากษัตริย์ไทยไว้ยิ่งชีวิตและเราจะไม่ลืมความอำมหิตของชายคนหนึ่งที่หลอกล่อยั่วยุให้คนไทยฆ่ากันเพื่อสนองอำนาจของตัวเอง
ขอให้กฏหมายบ้านเมืองได้สนองเขาตามที่กรรมชั่วเขาควรจะได้รับครับ
สุดท้ายนี้ขอให้คนไทยทุกคนช่วยกันพิทักษ์รักษา เศรษฐกิจพอเพียง และน้อมนำเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม อย่างที่พระองค์ใช้เวลาทัง้ชีวิตในการพัฒนาออกมาเพื่อเราคนไทยครับ
ปล.ความแค้นของคนไทยที่มีต่อคนเนรคุณสถาบันพระมหากษัตริย์ มันแรงนะครับ
ปราชญ์ สามสี ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๐