ในขณะที่วัยรุ่นทั่วโลกกำลังสนุกกับ เกมใหม่อย่างDETROIT: Become Human กันอย่างงอมแงม ซึ่งเกมดังกล่าวเป็นเรื่องราวการปฏิวัติอุสหกรรมครั้งใหม่เกี่ยวกับแอนดรอย ที่ทำงานรับใช้มนุษย์ จนทำให้ มนุษย์จำนวนมากตกงาน และ เกิดความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ และ แอนดรอยของพวกเขา ซึ่งในเวลาต่อมาก็เกิดการก่อปฎิวัติโดยแอนดรอยจำนวนหนึ่งที่ออกตามหาสิทธิเสรีภาพท่ามกลางความกดขี่ของมนุษย์ และมีจุดเริ่มต้นของความหวังอย่าง”RA9″ ที่เป็นแอนดรอย”ผู้ตื่นรู้”ตัวแรก…
———————–
การเมืองในโลกแห่งความเป็นจริงก็กำลังเผชิญกับการเคลื่อนไหวของสงคราม”ข่าวปลอม”ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่สดๆร้อนๆ ราว สามเดือนก่อน.ในปี 2561 ที่ผ่านมา โดยมีการตรวจจับได้จาก นักสังคมออนไลน์ต่างประเทศ ว่าค้นพบผู้ไม่หวังดี สร้างโปรแกรม ที่เรียกว่า BOTs ในการเผยแพร่ข่าวปลอมจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องการเมืองโจมตีรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา …และไม่ใช่แค่สหรัฐอเมริกา แต่ยังมีปรากฏในอีกหลากหลายประเทศอีกด้วยโดยเฉพาะประเทศไทย ก็มีการใช้”ข่าวปลอม” โจมตีรัฐบาลในปัจจุบัน โดยมุ่งหวังดิสเครดิตและ สร้างกระแสความเชื่อเพื่อปลุกระดมต่อต้านรัฐบาลประเทศต่างๆโดยอ้างสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก
———–
จุดมุ่งหมายสำคัญคือ การใส่ร้ายป้ายสีประมุขของรัฐหากรัฐดังกล่าวไม่ได้ปกครองในระบบประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี ส่วนประเทศในระบบประชาธิปไตยก็จะปล่อยข่าวสนับสนุนการเมืองฝ่ายที่สนับสนุน “ทุนระหว่างประเทศ” และดิสเครดิตฝ่ายการเมืองพรรคชาตินิยมเพื่อทลายกำแพงกฏหมายความเป็นชาติ เพื่อสร้างโลกในอุดมคติอันเป็นหนึ่งเดียวตามทฤษฎีโลกาภิวัฒน์ที่เคยเกิดขึ้น เมื่อปี 2540 จากการกำเนิดของ “อินเตอร์เน็ด” –
—————–
***ทั้งนี้โลกาภิวัตน์ หมายถึงกระบวนการที่ประชากรของโลกถูกหลอมรวมกลายเป็นสังคมเดี่ยว กระบวนการนี้เกิดจากแรงของอิทธิพลร่วมทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและสังคม-วัฒนธรรมและการเมือง***
โดยข่าวปลอมทั้งหมด ถูกเปลี่ยนแปลงแนวทางจาก แพลตฟอร์ม Facebook ที่เคยเคลื่อนไหวอย่างลับๆตั้งแต่ช่วงปี 2550 ไปสู่ แพลตฟอร์ม Twitter ซึ่งมีแนวโน้มปลอดภัยกว่าสำหรับ ผู้เสพและผู้เผยแพร่ เนื่องจากTwitter มีข้อจำกัดกว่า Facebook เช่น ไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวไม่มีการระบุตัวตนที่ชัดเจน และ ไม่เก็บข้อมูลเก่าๆ แต่ก็ต้องแลกกับการสื่อสารที่สั้น เพียงไม่กี่บรรทัด แต่ก็เพียงพอต่อการกระจายข่าวลือในรูปแบบใบปลิวไซเบอร์ที่ตรวจสอบได้ยาก
———————
แนวทางดังกล่าวถูกพัฒนามาจากข้อผิดพลาดของการปล่อยข่าวลือในแพลตฟอร์ม Facebook ช่วงสิบกว่าปีผ่านมา โดยทั้งหมด ถูกเอามาทดแทน การ FAKEID ที่ต้องใช้คนจริงๆ ในการทำไอดีปลอมขึ้นมา หรือที่เรียกว่า “Avatar(อวตาร)” เพื่อทำการเผยแพร่ข้อมูลข่าวปลอมเข้ามาในระบบ …โดยกลุ่มที่เผยแพร่เหล่านี้ เคยใช้ โคตเนม อย่าง “ตาสว่าง” หรือ “Orwell’s ‘1984’” หรือ “mockingjay ” ที่อ้างอิงจากภาพยนต์the hunger games มาแล้ว ซึ่งโคตเนมเหล่านี้ไมไ่ด้ใช้ในประเทศใดประเทศหนึ่งแต่ถูกใช้เป็นแนวทางเคลื่อนไหวในหลายประเทศ …แต่ แนวทางดังกล่าวกลับไม่ประสบผลสำเร็จเพราะ ความ”ไม่เข้าใจท้องถิ่น” การเคลื่อนไหวของข่าวปลอมที่กระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมืองส่วนใหญ่ จึงดูไม่สอดคล้องกับ วัฒนธรรมท้องถิ่น …เช่น การเรียกร้องสิทธิให้ผู้ลี้ภัยในยุโรปซึ่งเป็นทวีปที่กำลังพบปัญหาประชากรล้นโครงสร้างในทวีปยุโรป,การเรียกร้องสนับสนุนอิสราเอลในการยึดครองปาเลสไตน์ทั้งๆที่ปาเลสไตน์ก็เป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอล หรือ
การปลุกระดมโจมตีรัฐเกี่ยวกับการนับถือศาสนาในประเทศไทยทั้งที่เป็นดินแดนเสรีที่สุดของโลกสำหรับทุกศาสนาอยู่แล้ว เป็นต้น
ในกรณีแพลตฟอร์ม Facebook … ในการเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา Facebook กลายเป็นผู้ต้องสงสัยปล่อยข่าวเท็จโจมตีรัฐบาล โดนัล ทรัมป์ แต่ทาง มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ให้การปฎิเสธ แต่มีกระแสข่าวโดยโยนความผิดไปที่รัสเซียว่าได้ใช้แฮกเกอร์ในการแทรกแซงสหรัฐโดยข่าวเท็จจำนวนมาก แต่ทางรัสเซียให้การปฎิเสธ โดยระบุว่าเรื่องในประเทศสหรัฐฯ สหรัฐฯควรแก้กันเอง ส่งผลให้มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ต้องปรับระบบ แพลตฟอร์ม Facebookในการต่อต้านข่าวปลอมด้วยการเปิดรายชื่อ “ไอดีปลอม”ที่มีอยู่ แต่หากเปิดขึ้นมาจริง อาจกระทบถึงหลายฝ่าย ทั้ง “ตำรวจและโจร” จึงสันนิฐานได้ว่า การกระทำปล่อยข่าวลือแบบใหม่ผ้่านระบบ BOTS นั้นเป็นการหลีกเลี่ยง แพลตฟอร์ม Facebook ที่กำลังเป็นปัญหาทางการเมือง แล้วหันไปใช้ twitterที่ปลอดภัยและตรวจสอบได้ยากกว่านั้นเอง
——————————
แม้ว่าข่าวปล่อมทั้งหมด ที่พูดถึงนั้น จะเกิดขึ้น ด้วย BOTS (บอท) แต่เบื้องหลังทั้งหมดก็เกิดขึ้นจาก”มนุษย์”ทั้งสิ้น
การเคลื่อนไหวของข่าวปลอมยังใช้การชี้นำของมนุษย์ในการสร้างข่าวเท็จ จากสำนักข่าว”ที่น่าเชื่อถือ”หรือ”ถูกทำให้น่าเชื่อถือ” ในระดับสากล โดย BOTS (บอท) จะทำหน้าที่ในการ BOOTH(บูส) จำนวนผู้อ่าน รวมไปถึงการคอมเม้นย้ำๆ ไปในทิศทางเดียวกับตามความต้องการของ”นายทุน”
จุดเชื่อมโยงของ”เรื่องข่าวปลอม”ในโลกแห่งความเป็นจริง ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาตั้งแต่ต้นนั้นคือ ทฤษฎีการสร้าง” Culture Shock.” ผ่านไซเบอร์เน็ตเวิร์ค เพื่อกระตุ้นให้เกิดอาการ “ต่อต้านกรอบของสังคม” ผ่านการถูกกดขี่ ทุบตีจากการบังคับใช้กฏหมายซึ่งเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น
ทฤษฎีการสร้าง” Culture Shock.” นั้นรวมไปถึงทฤษฎีความอลวน Chaos theory ซึ่งจะมีลักษณะที่ปั่นป่วนจนดูคล้ายว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นแบบสุ่มหรือไร้ระเบียบ (random/stochastic) แต่จริง ๆ แล้ว ระบบเคออสนี้เป็นระบบแบบไม่สุ่ม หรือระบบที่มีระเบียบ (deterministic)
การก่อเหตุความวุ่นวายที่ดูเหมือนความโกลาหลและไร้ระเบียบเกิดจากกการจัดตั้งอย่าง มีระเบียบแบบแผนโดย มีการชักนำให้ผู้เข้าร่วมต่างๆให้มีประสบการในสถานการณ์ต่างๆร่วมกัน เช่นถูกกดขี่ อดอยากปากแห้ง ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกจับด้วยกฏหมาย ถูกละเมิดสิทธิ เป็นต้น นั้นก็เพื่อเปลี่ยนพวกเขา จากผู้ที่”ถูกหลอกไปเคลื่อนไหว” ไปสู่การเป็น”ผู้ร่วมอุดมการณ์”
—————–
ตัวอย่างเช่น
หลายคนอาจมองว่า เด็กๆเยาวชนหัวรั้นที่ออกมาเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐ ตัวอย่าง เช่น “โจชั่วหว่อง” นั้นอาจจะเป็นแกนนำที่ถูกจัดตั้งขึ้น ที่ถูกนำมาแสดงและถูกจับไปตามกฏหมาย…แต่นั้นก็เป็นเพียง ส่วนหนึ่ง ของละครโลกไซเบอร์ ที่ต้องการข่าว “ถูกกดขี่ ทุบตีจากการบังคับใช้กฏหมาย” เพื่อปลุกระดมผู้คนในประเทศอื่นๆเพื่อกดดันผู้บังคับใช้กฎหมาย จนเกิดความขัดแย้งในประชาคมโลก ตามทฤษฎี “โลกล้อมประเทศ” หรือ “ป่าล้อมเมือง”
ตัวอย่างสำคัญล่าสุด คงไม่พ้น… เนติวิทย์ ที่พึ่งนำเอากรณีของตนเองซึ่งถูกลากออกจาก ม.จุฬาเนื่องจากการป่วนการถวายบังคมอนุเสาวรีย์รัชกาลที่๕ ไป บรรยายที่เมืองออสโล ประเทศ นอร์เวย์ และชักชวนผู้คนให้รู้สึกร่วมแบบเดียวกับตนเพื่อขยายอำนาจการต่อรอง
หรือ การซ้อมอดอยากของ เพนกวิ้น อีกหนึ่งแกนนำที่จงใจประท้วงโดยต้องการให้เกิดภาพลักษณ์การอดอยากไปสู่ประชาคมโลก
รวมไปถึงการชุมนุม ของกลุ่มเยาวชน 2-3ปีก่อนที่จงใจทำผิดกฏหมาย พรบ.ชุมนุมทางการเมืองเพื่อล่อให้รัฐใช้กฏหมายในการจับกุม เพื่อต้องการภาพถ่ายนำไป ขยายผลต่อในต่างประเทศเพื่อสร้างแนวร่วมเป็นพลวัติ ส่วนเยาวชนที่พึ่งถูกจับเป็นครั้งแรก ก็จะรู้สึกมีประสบการร่วม โดยเข้าใจไปเองจากอุปทานหมู่ว่า “ถูกกดขี่ จากรัฐ…” นั้นเอง
หัวใจของปัญหาขาวเท็จคือการปล่อยข่าวความไม่เท่าเทียมกันในสังคม(in justice)ที่กระทบความรู้สึกของผู้คนหมู่มาก (ส่งผลกับอารมมากว่าเหตุผล)
การ จับกุมแบบ ตาต่อตาฟันต่อฟัน อาจให้ผลที่แย่กว่า
eye for an eye and the world goes blind
เพราะเป็นการสร้างประสบการณ์แย่ๆ ฝังลงไปในจิตใจ แม้ว่าจะชนะในระยะสั้นแต่จะแพ้ในระยะยาวเพราะเป็นการผลักให้ ผู้หลงผิดชั่วครู่กลายเป็นศัตรูตลอดชีวิตของเขา
ตราบใดที่รัฐยังใช้กฏหมายอย่างยุติธรรม และมีความ Empathy “หรือ การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น” การปล่อยข่าวเท็จจะไร้ประโยชน์และฝ่อไปในที่สุด แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วจะต้องใช้ “เวลาทั้งนั้น”
ส่วนสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ การปลุกระดมสมัยใหม่ด้วยข่าวเท็จนี้ยังไม่ได้ผล คือ.. การที่ผู้ร่วมชุมนุม ขาด “เป้าหมายที่บริสุทธิ์” ซึ่งพิสูจน์ไมไ่ด้ด้วยปาก แต่พิสูจน์ได้ด้วยการกระทำ หลายๆครั้งเราจึงจะเห็นข่าวการโกงภายในกลุ่มผู้ประท้วงที่ต่อต้านรัฐบาล หรือแม้แต่การล่วงละเมิดทางเพศระหว่างนักกิจกรรมทางการเมืองหลายคน ซึ่งทั้งหมดนี้”เป็นสนิมที่เกิดจากเนื้อในตน”ทำให้ การชุมนุมหลายๆครั้งของ “นักกิจกรรม” ไม่น่าเชื่อถือและดูไม่เป็นมิตรกับประชาชนทั่วไปที่จะเข้าร่วมนั้นเอง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ การปล่อยข่าวเรื่อง การชุมนุมใหญ่ของ ม็อบคนอยากเลือกตั้ง ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 10 ก.พ.61 แต่่แป๊กไม่มีใครสนับสนุน ก็เลยมีคนปล่อยข่าวผ่าน LINE ในสองวันต่อมาว่ามีการชุมนุม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอีกครั้งและอ้างว่าถูกสื่อปิดข่าวจนไม่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด โดยเอาภาพ เหตุการณ์วันที่ 10 ก.พ.61มาย้อมแมว หลอกให้ประชาชนไม่พอใจเพิ่ม แต่สุดท้ายก็ไม่มีการชุมนุมเกิดขึ้นจริง เพราะมีนักสังเกตการณ์ แจ้งเตือนข่าวว่าเป็นข่าวเท็จนั้นเอง
ยังมีประเด็นตัวอย่าง เช่น การปล่อยข่าวเกี่ยวกรณีป้าทุบรถกับตลาดเถื่อน ที่มีสื่อบางสำนักชี้นำไปมาเกี่ยวกับความไม่ชอบธรรมของรัฐปลุกระดมความไม่พอใจของประชาชนในตลาดแต่สุดท้ายก็ทุกอย่างคลีคลายได้ด้วยคำตัดสินของศาล
กรณี การปล่อยข่าวเท็จเกี่ยวกับนายกเรื่องน้ำมันแพงโดยไล่ปชชไปเติมน้ำเปล่า ซึ่งก็มีการปลุกระดมความไม่พอใจของประชาชนสุดท้ายแล้วก็พบว่าเป็นฝีมือของคนต่างชาติ มีสำนักพิมพ์ที่กัมพูชาและมีแนวคิดต่อต้านรัฐบาลไทย …และทุกอย่างก็ซาลงเพราะเป็นข่าวเท็จ เป็นต้น
กรณีของเปรมชัยยิงเสือดำก็ชัดเจนเช่นกัน กับความผิดของเปรมชัยที่ตำรวจให้แจ้งจับ 9 ข้อหา ตั้งแต่
1. ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
2. ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
3. ร่วมกันล่าและพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
4. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
5. ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำความผิด
6. ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
7. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 8. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และ 9. ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน
แต่ก็ยังมีสื่อและนักปล่อยข่าวลือพยายามโจมตีว่า เปรมชัยจะรอดคดีเพราะรัฐบาลและเบี่ยงประเด็นให้ผู้คนเกลียดชังรัฐบาล และ ศาลยุติธรรม …เสียด้วยซ้ำ
สุดท้ายนี้ วิธีที่ต่อสู้กับข่าวเท็จได้ง่ายที่สุดนั้นคือการอ่านให้รอบคอบ หลายด้าน และไม่ปักใจเชื่อสิ่งที่อ่านตั้งแต่ในวินาทีแรก … รอให้เรื่องราวเคลื่อนไหวเพิ่มจากผู้เกี่ยวข้อง เราจะสามารถ กรองข่าวปลอมออกจากสมองได้ส่วนนึง
แบบนี้แหล่ะ เขาเรียกว่า ช้า แต่ ชัวร์
————————————————–
http://www.sciencemag.org/…/fake-news-spreads-faster-true-n…
https://www.dailydot.com/debug/fake-news-social-bots-study/
https://medium.com/…/observances-fake-news-bots-and-bait-30…
https://www.facebook.com/anthony.cartalucci/posts/2085313928411337
https://www.ft.com/content/5a8d2338-7c52-11e7-9108-edda0bcbc928