…พระราชฐานชั้นใน มีบริเวณอยู่ทางด้านทิศใต้ของพระบรมมหาราชวัง เป็นพื้นที่ต่อเนื่องกับพระราชฐานชั้นกลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระมหาปราสาทและพระราชมณเฑียรสถาน ด้านหลัง และด้านข้างของพระราชฐานชั้นใน โอบล้อมด้วยอาคารสูง 2 ชั้น ซึ่งทำหน้าที่เป็นกำแพงพระราชวังชั้นในไปด้วยในตัว กำแพงดังกล่าวนี้
ด้านนอกไม่มีหน้าต่างหรือช่องเปิดใดๆทั้งสิ้น พระราชฐานชั้นในเป็นเขตหวงห้ามสำหรับสำหรับบุคคลภายนอก โดยเฉพาะบุรุษเพศ ยกเว้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชโอรสที่ยังไม่ได้โสกันต์(ตัดจุก) หรือเด็กชายที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี
และถ้ามีธุระจำเป็นต้องขออนุญาตไปตามลำดับขั้นตอน จึงมีสิทธิ์เข้าได้ ปัจจุบันข้อห้ามเหล่านั้นได้ผ่อนคลายลง แต่ยังเป็นเขตหวงห้ามทีมีระเบียบแบบแผนใช้ปฎิบัติต่อไป
บริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นที่ประทับของพระมเหสี เทวี พระธิดา ตลอดจนเป็นที่อยู่ของพระสนมกำนัล เจ้าจอม ข้าหลวงและข้าราชการที่เป็นหญิงล้วน นอกจากนั้นยังมีเด็กหญิงวัยต่างๆกัน มีทั้งหม่อมเจ้าซึ่งเป็นพระธิดาในเจ้านายพระองค์ชาย และธิดาในเชื้อพระวงศ์หลายระดับ ตลอดจนธิดาของขุนนางและข้าราชการที่นิยมส่งบุตรีเข้ามารับการศึกษาเล่าเรียนเขียนอ่าน รวมทั้งรับการอบรมเรื่องการบ้านการเรือน ฝึกหัดกริยามารยาทเพื่อเป็นกุลสตรีที่งามพร้อม พระราชฐานชั้นในก็เปรียบเสมือนเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งที่พลเมืองเป็นหญิงล้วน มีระเบียบแบบแผนและความเป็นอยู่ของตนเอง ที่กลายเป็นต้นแบบของวัฒนธรรมประเพณียุคหนึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์
ประตูทางด้านทิศเหนือ ที่เชื่อมกับพระราชฐานชั้นในก็คือประตูราชกิจ..ประตูนี่แหละ…ใครบางคนชะเง้อ…คอสั้นๆ..แอบดู.. จนน้องทหารเหล่…ก็ชั้นอยากเข้ามากกกกก……อ่านนิยายของอาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ซะ….จนอยากฝันว่าได้เข้าไปเดินในนั้น…..
เกร็ดประวัติศาสตร์…ประตูนี้ชาววังเรียกประตูยามค่ำหรือประตูย่ำค่ำ เปิดปิดเวลา 6.00 น. – 22 .000 น. ในการเดินผ่านเข้า-ออกประตูนี้ในอดีต จะต้องระมัดระวังการต่างกายให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยไม่ใช้สีฉูดฉาด แบบกรุยกรายหรือสกปรกซอมซ่อ ทั้งจะต้องไม่ลากจูงหรือแบกหามอะไรที่หนักหรือใหญ่โตจนเกินกำลัง หรือส่งเสียงดังโครมครามหรือนำสัตว์เลี้ยงเข้าไป ห้ามสวมร้องเท้าแตะ มิฉะนั้นจะถูกพนักงานกรมโขลนผู้เฝ้าประตู…ซึ่งเป็นผู้หญิงไปสั่งสอน
ประตูช่องกุด เรียกกันว่า “ท้ายวัง” ประวัติศาสตร์ กล่าวถึงในชื่อ ประตูดิน เป็นประตูที่ชาววังใช้กัน… สาวชาววัง..จะออกมาทางประตูนี้ จึงเป็นที่มาของคำว่า”เจ้าชู้ประตูดิน”….หนุ่มๆมาแอบดูสาวชาววังกัน
เข้าประตูเลี้ยวซ้าย ด้านขวามือ คือ ประตูศรีสุดาวงศ์
การแต่งกายของเจ้านายฝ่ายใน….สมัยรัชกาลที่ 5
ตำหนักเขียว ที่ประทับของสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี พระพี่นางในรัชกาลที่ 1 ปัจจุบันรื้อแล้วไปปลูกเป็นกุฏิสงฆ์วัดอมรินราราม
พระตำหนักแดง ที่ประทับของสมเด็จพระศรีสุริเยนบรมราชินี ปัจจุบันอยู่ในบริเวณพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
ลักษณะของพระบัญชร ประกอบฐานสิงห์ตอนล่าง เป็นลักษณะนี้มักจะไม่ปรากฏในเรือนสามัญ
ซุ้มประตูทางเข้าเรือนแถวบางหลัง
ตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
ตำหนักหมายเลข 11…..
ตำหนักพระราชชายา เจ้าดารารัศมี
พระราชายา เจ้าดารารัศมี(แถวหลังองค์ที่ 4 จากซ้าย) และข้าหลวง
ทางเข้าตำหนักพระราชชายา เจ้าดารารัศมี
เรือนเจ้าจอมเอี่ยม เอิบ อาบ เอื้อน
สะพานเชื่อมระหว่างตำหนักและเรือนทั้งสองหลัง
แถวเต๊งทางด้านทิศตะวันตก ลักษณะแบบดั้งเดิม ดูแล้ว….คิดถึงแม่ช้อยกับแม่พลอย
ความสวยงามของสถาปัตยกรรมของเต๊งแดงแถวเต๊งเป็นอาคารสูง 2 ชั้น เป็นที่อยู่ของคุณข้าหลวงผู้ปฎิบัติงานตามตำหนักต่างๆ
ห้องพระเครื่องต้นหรือห้องเครื่องพระวิมาดา
ภายในห้องพระเครื่อง
ตำหนักเจ้าจอมมารดาชุ่ม
ตำหนักเจ้าจอมมารดาอ่อน
ตำหนักเจ้าจอมมารดาแส…..
ตำหนักบางตำหนักเก่าแก่..และทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
เขตพระราชฐานนั้นใน ปัจจุบันมีการใช้งานดังนี้
๑) ที่ประทับของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ณ เรือนรับรอง A-B พระที่นั่งบรมพิมาน เป็นการถาวร
๒) โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ สำหรับชั้นประถมศึกษา และวิทยาลัยในวังหญิง สำหรับฝึกอาชีพสำหรับสตรี โดยใช้ในส่วนของตำหนักเสด็จพระองค์อาทรทิพย์นิภา และโรงครัวพระวิมาดา
๓) พระที่นั่งบรมราชสถิตมโหฬาร สำหรับพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ หรือ จัดกิจกรรมส่วนพระองค์
๔) พระที่นั่งพิมานรัตยา สำหรับถวายน้ำสรงพระบรมศพ หรือ พระราชทานน้ำหลวงสรงพระศพ เจ้านาย ที่พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
ทั้งนี้ในอีกส่วน ส่วนพระตำหนัก ตำหนัก และเรือนต่างๆ เป็นส่วนที่ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ของข้าราชสำนักฝ่ายใน โดยในแต่ละแห่งจะมีเจ้าพนักงานฝ่ายใน อยู่เวรทั้งกลางวัน กลางคืน การจะขอเข้าชม ต้องทำหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เป็นกรณีๆ ไป
ที่มา>>>คลังประวัติศาสตร์ไทย,