23 ตุลาคม “วันปิยะมหาราช”
รัชกาลที่5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระทรงสร้างชาติ ในยุคการล่าอาณานิคม ทำให้ชาติไทย ไม่ตกเป็นเมืองขึ้น
ทรงขยายเสรีภาพของทาส ให้กว้างขวาง หรือ ที่เรียกว่า เลิกทาส
เป็นการประยุกต์หลักการประชาธิปไตย ให้เข้ากับลักษณะพิเศษของสังคมสยาม
พระองค์ทรงเริ่มเศรษฐกิจแบบทุนนิยมอย่างก้าวกระโดด
มีการลงทุนโดยรัฐ หรือ รัฐวิสาหกิจ(ระบบเศรษฐกิจระบบสังคมนิยม) และเปิดกว้างให้นักลงทุนเอกชนมาลงทุนได้อย่างเสรี
รากฐานของเศรษฐกิจ ที่ประกอบไปด้วย เสรีนิยม กับ สังคมนิยม ทำให้ประเทศเราเติบใหญ่ทางเศรษฐกิจของชาติ
พระองค์ได้ทรงที่จะทำ Democracy Reform สมัยก่อนยังไม่มีชื่อเรียก ประชาธิปไตย ทรงเรียกทับศัพท์ไปเลย
ภารกิจของ รัชกาลที่ 5 ที่จะสถานาการปกครองแบบประชาธิปไตย
เหมือนอย่างที่ ญี่ปุ่นแห่งราชวงค์เมจิ สมเด็จพระจักรพรรดิมุสึฮิโตะ ในจีนพระเจ้ากวางสู ราชวงค์ชิง
การเปลี่ยนแปลงจากเจ้าครองนคร มาเป็นยุคทุนนิยม
ในขณะที่เจ้าครองนครและเจ้าขุนมูลนายก็พัฒนาตัวเองไปเป็นเจ้าที่ดิน
ในเวลาต่อมา จนกลายเป็นกลุ่มทุนผูกขาด ครอบงำระบบเศรษฐกิจแห่งชาติ
ทำให้ชาติล้าหลัง และเสี่ยงภัย ต่างๆ
ภารกิจที่พระองค์จะทรงสถาปนาการปกครองแบบประชาธิปไตย เพื่อให้กับลักษณะพิเศษกับสังคมไทย
จะเรียกว่า ประชาธิปไตยแบบไทยไทย คือ ประยุกต์หลักการประชาธิปไตยสากล เข้าลักษณ์พิเศษของสังคม
“ประชาธิปไตยแบบไทยไทย” แตกต่าง จาก“ประชาธิปไตยแบบไทย”
เพราะประชาธิปไตยแบบไทย คือ เป็นแบบ วงจรอุบาทว์
มีรัฐประหารน้ำเน่า มีเลือกตั้งน้ำเน่า มีรัฐธรรมนูญมากที่สุดในโลก
นี้คือ ประชาธิปไตยแบบไทย
หรือ จะเรียกว่า “ระบอบเผด็จการ”
เพราะมันไม่มีแล้วในโลกสากล
ประชาธิปไตยแบบไทย ก็คือ ระบอบเผด็จการ นั้นเอง
ส่วนประชาธิปไตยแบบไทยไทย ที่ประยุกต์จากหลักการสากลนั้น
ยังเกิดภารกิจการสร้างจึงต้องมาถึงประชาชนที่จะต้องลงมือสร้างเอง
เรียบเรียงโดย นายอนันต์ ปะพงศ์