วันเสาร์ 23 พฤศจิกายน 2024
  • :
  • :
Latest Update

ส่องกำลังรบ‘กองกำลังป้องกันตนเอง’ ญี่ปุ่น

จากสถานการณ์ความตึงเครียด หลังจากที่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธอยู่เรื่อยๆ อย่างเมื่อล่าสุดก็ช่วงเช้ามืดของวันที่ 15 กันยายน 2017 ที่มีการทดสอบยิงขีปนาวุธเหนือน่านฟ้าเกาะฮอกไกโด เล่นเอาทางการญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ที่ใกล้เคียงต้องออกมาเตรียมรับมืออย่างเร่งด่วน

และเป็นอย่างที่เราทราบกันดีว่า หลังจากที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงถูกบังคับภายใต้เงื่อนใข จากชาติมหาอำนาจ ให้ญี่ปุ่นจำต้องประกาศยกเลิกไม่ให้มี”กองทัพทหาร” แต่ ญี่ปุ่นก็มีการจัดตั้ง ‘กองกำลังป้องกันตนเอง’ (Japan Self-Defense Force หรือ JSDF )  ซึ่งมีลักษณะคล้าย”ตำรวจตระเวนชายแดน”
กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นถูกใช้งานในเฉพาะภายในประเทศมีหน้าที่ในการป้องกันประเทศอธิปไตยชาติเพียงอย่างเดียวและไม่ได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ ยกเว้นในสถานการณ์ที่เป็นการป้องกันตนเองในขอบเขตที่จำกัดเท่านั้น แม้อาจมีภารกิจในต่างประเทศในปฏิบัติการรักษาสันติภาพก็ตาม  แต่ล่าสุดในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ครม.ญี่ปุ่นได้ตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นใหม่สรุปได้ว่า กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นจะสามารถส่งทหารไปปฏิบัติภารกิจการป้องกันตนเองร่วมได้(Collectvie-Self Defence) ตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อปกป้องชาติหนึ่งจากการถูกรุกราน โดยญี่ปุ่นจะสามารถไปช่วยเหลือชาติพันธมิตรใกล้ชิดที่ถูกโจมตีได้ หากการโจมตีนั้นเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของญี่ปุ่นและไม่มีวิธีอื่นในการปกป้องชีวิตชาวญี่ปุ่น

ในด้านการพัฒนาอาวุธ ในรธน.ญี่ปุ่นถูกกำหนดห้ามพัฒนาอาวุธในเชิงรุก ส่วนในด้านการห้ามส่งออกอาวุธนั้น แม้ญี่ปุ่นจะเป็นผู้กำหนดขึ้นเองเมื่อปีพ.ศ. 2510 แต่ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557 ญี่ปุ่นได้ผ่อนคลายกฎห้ามส่งออกอาวุธ โดยสามารถส่งออกอาวุธและมีส่วนร่วมในการผลิตอาวุธกับนานาชาติได้ แต่ญี่ปุ่นจะไม่ส่งออกอาวุธให้แก่ประเทศที่ตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง หรืออาจเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงของนานาชาติ นอกจากนี้ การจำหน่ายอาวุธก็จะต้องเป็นไปเพื่อส่งเสริมสันติภาพสากลคือต้องเป็นยุทโธปกรณ์ที่ไม่ใช่เพื่อสังหาร และเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงของญี่ปุ่นเอง

เมื่อไปดูข้อมูลของกองกำลังป้องกันตนเอง จากเว็บไซต์ GlobalFirePower ก็พบว่า แม้ว่าจะเป็นเพียง “ยามเฝ้าแผ่นดินญี่ปุ่น” แต่ก็มีกำลังรบมากพอจะต่อกรกับมหาอำนาจเลยทีเดียว เรามาติดตามชมกันครับ

 

 

1. กองกำลังป้องกันตนเองมีกำลังพลทั้งหมด 311,875 คน

 

2. กองกำลังพลที่พร้อมจะออกปฏิบัติหน้าที่มีจำนวนทั้งหมด 248,575 คน และกองกำลังสำรอง 63,300 คน

 

กองกำลังภาคอากาศ

แม้ว่าดูเผินๆ เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นนวัตกรรมทางทหารของญี่ปุ่นบ่อยนัก แต่ขอบอกเลยว่ากำลังพลทางด้านกองทัพอากาศนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว…

 

3. กองกำลังป้องกันตนเองมีจำนวนเครื่องบินประจำการทั้งหมด 1,594 ลำ ขณะที่กองทัพไทยมีเครื่องบินประจำการทั้งหมด 555 ลำ

 

4. ทั้งหมดประกอบไปด้วยเครื่องบินขับไล่จำนวน 288 ลำ

 

5. เครื่องบินจู่โจมอีก 287 ลำ

 

6. เครื่องบินสำหรับขนส่งกำลังพลอีก 481 ลำ และเครื่องบินซ้อมรบอีก 447 ลำ

 

7. นอกจากนั้นยังมีเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมด 659  ลำ โดย 119 ลำ เป็นเฮลิคอปเตอร์สำหรับจู่โจม

 

กองกำลังภาคพื้นดิน

ในเหล่ากองกำลังภาคพื้นดินนั้น มียุทโธปกรณ์มากมายไม่ว่าจะเป็นรถถังเบา รถหุ้มเกราะ รถถังทำลายล้าง หรือแม้แต่นวัตกรรมเครื่องยนตร์ของรถทางบก ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับการสู้รบมากยิ่งขึ้น

 

8. กองกำลังภาคพื้นดิน มีจำนวนรถถังทั้งสิ้น 700 คัน อีกทั้งยังมีรถหุ้มเกราะอีกมากถึง 2,850 คัน

 

9. นอกจากนั้นยังมีกองกำลังปืนใหญ่สำหรับการป้องกันระยะไกล โดยประกอบไปด้วยปืนใหญ่อัตตาจร 202 คัน ปืนใหญ่แบบลากจูงทั้งหมด 500 กระบอก และเครื่องยิงจรวดอีก 99 เครื่อง

 

กองกำลังภาคทะเล

แม้ว่าก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นจะถูกห้ามไม่ให้มีเรือจู่โจม แต่กองกำลังป้องกันตนเองก็ได้เปลี่ยนมาใช้เรือขนส่งกองกำลังทางอากาศแทน แต่ถึงกระนั้น… กองกำลังภาคทะเลของพวกก็ไม่ได้มาเล่นๆ เช่นกัน

 

10. กองกำลังภาคทะเล มีเรือประจำการทั้งหมด 131 ลำ

 

11. ประกอบไปด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน 4 ลำ และเรือพิฆาตอีก 42 ลำ

 

12. อีกทั้งยังมีเรือดำน้ำซุ่มอยู่อีก 17 ลำ

 

การขนส่ง/คมนาคม

การขนส่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้ได้เปรียบในด้านการสงคราม ซึ่งในญี่ปุ่นมีแรงงานทั้งหมด 65,930,000 คน มีถนนหนทางที่ครอบคลุมออกไปไกลกว่า 1,210,251 กิโลเมตร และมีเส้นทางรถไฟเพื่อลำเลียงขนส่งได้อีกกว่า 27,182 กิโลเมตร

 

การเงิน

สงครามแต่ละครั้งเต็มไปด้วยค่าใช้จ่ายที่ต้องแลกมาด้วยความยากลำบากของประชาชน จากการเปิดเผยเว็บไซต์พบว่า หน่วยป้องกันตนเองของญี่ปุ่นได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐปีละ 43,800,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (1.448 ล้านล้านบาท)