วันเสาร์ 23 พฤศจิกายน 2024
  • :
  • :
Latest Update

‘จอร์จ โซรอส’ ประณาม ‘สี จิ้นผิง’ เป็นศัตรูที่ร้ายกาจต่อ open society

เอเอฟพี – จอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีเจ้าของฉายา ‘พ่อมดการเงินโลก’ ออกมาวิจารณ์ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนว่าเป็น ‘ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด’ ต่อสังคมเสรี จากการสนับสนุนให้รัฐบาลจีนใช้เทคโนโลยีไฮเทคสอดแนมพวกที่เป็นศัตรูต่อรัฐ

“จีนไม่ใช่รัฐเผด็จการแห่งเดียวในโลก แต่เป็นรัฐเผด็จการที่รวยที่สุด แข็งแกร่งที่สุด และมีเทคโนโลยีก้าวหน้าล้ำสมัยที่สุด” โซรอส กล่าวในงานเลี้ยงอาหารค่ำระหว่างการประชุม เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอสเมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) พร้อมแสดงความกังวลต่อพฤติกรรมของรัสเซียซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจของ วลาดิมีร์ ปูติน

“นั่นทำให้ สี จิ้นผิง กลายเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดต่อ open society,” โซรอส ระบุ

มหาเศรษฐีใจบุญเชื้อสายฮังการียังเสนอให้มีการควบคุมสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่างเช่น เฟซบุ๊ก เพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นประชาธิปไตยที่ดี พร้อมเตือนถึง “อันตรายที่สังคมเสรีกำลังเผชิญจากอุปกรณ์การเรียนรู้และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่ตกเป็นเครื่องมือของระบอบเผด็จการกดขี่”

โซรอส ยังอ้างถึงความหวาดระแวงที่โลกตะวันตกมีต่อยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมจีนอย่าง ZTE และหัวเว่ย ในช่วงเวลาที่หลายประเทศกำลังมุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายไร้สายเพื่อก้าวสู่ยุค 5G

เขามองว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ควรจะมีบทลงโทษที่รุนแรงต่อบริษัทโทรคมนาคมเหล่านี้เพื่อเล่นงานจีนโดยตรง แทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับสงครามการค้า “ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั่วโลก”

“หากบริษัทเหล่านี้เข้าไปครอบงำตลาด 5G ในสหรัฐฯ ได้สำเร็จ ก็จะเป็นภัยความมั่นคงอย่างสูงต่อประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ชนิดที่ไม่อาจยอมรับได้”  

โซรอส อ้างว่ารัฐบาลจีนในยุคของ สี จิ้นผิง ได้พัฒนาระบบสื่อสารล้ำสมัยหลายด้าน รวมถึงระบบจดจำใบหน้า (face recognition) เพื่อสอดแนมความเคลื่อนไหวของพลเมือง และมีขั้นตอนวิธี (algorithm) ที่สามารถคำนวณได้ว่าบุคคลหนึ่งๆ เป็นภัยต่อรัฐมากน้อยแค่ไหน

“ระบบเครดิตทางสังคม (social credit) ที่ว่านี้ หากมีการนำมาใช้จริงก็จะทำให้ สี สามารถควบคุมวิถีชีวิตของพลเมืองได้อย่างเบ็ดเสร็จ”

“เนื่องจาก สี เป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดต่อสังคมเสรี เราจึงต้องทุ่มเทความหวังทั้งหมดไปที่ชาวจีน โดยเฉพาะภาคธุรกิจและนักการเมืองบางคนที่พร้อมจะยืนหยัดในลัทธิขงจื๊อ” โซรอส กล่าว โดยอ้างถึงขุนนางในประวัติศาสตร์จีนที่กล้าออกมาพูดความจริงต่อผู้มีอำนาจ แม้จะต้องถูกจำคุกหรือถึงขั้นโดนประหารชีวิตก็ตาม

โซรอส เตือนว่าสถานการณ์ของโลกทุกวันนี้ไม่แตกต่างจาก ‘สงครามเย็น’ ที่มีแนวโน้มจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่หาก สี และ ทรัมป์ ไม่ได้ครองอำนาจอีกต่อไปก็มีโอกาสที่สหรัฐฯ และจีนซึ่งเป็นสองมหาอำนาจทางไซเบอร์จะหันมาร่วมมือกันได้มากขึ้น

 

ทั้งนี้ open society เป็นชื่อของมูลนิธิที่พ่อมดการเงินโซรอสก่อตั้งและเป็นประธาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยในแต่ละประเทศ ทั้งนี้หลายฝ่ายมองว่า เป็นองค์กรที่แสวงหาประโยชน์โดยการสร้างความขัดแย้งบั่นทอนเสถียรภาพของประเทศต่างๆ เพื่อให้กองทุนเก็งกำไรของตนเข้าไปหาประโยชน์ในตลาดเงินจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ

มูลนิธินี้ยังเคยถูกต้องสงสัยเกี่ยวกับการให้เงินกับประชาไทและองค์การสิทธิฯเพื่อสร้างความแตกแยกเรื่องทางสังคมที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกฏหมายอันกระทบกับสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยอีกด้วย

แต่ในจีน(รวมถึงอีกหลายประเทศเช่น อินเดีย ฮังการี รัสเซีย และประเทศในเครือข่าย Stop Soros) Open Society ถูกห้ามไม่ให้ก่อตั้งและดำเนินการใดๆ