เล่นการเมือง……จนชังชาติ…และชาติชัง…!!!
หมู่นี้ถนัดอ่านค่ะ ไม่ค่อยอยากเขียนอะไรเพราะแวดวงขยายออกไปกว้างมาก จนไม่รู้ว่าเป็นใครต่อใคร ดิฉันไม่ได้ปิดกั้นอะไร ใครสามารถหาเอาไปเป็นสาระได้ เพิ่มพูนหรือกระตุ้นต่อมอยากรู้……ต่อมอยากอ่านเพิ่มเติม
ก็ไปต่อยอดเอาได้ ถือว่าเราแบ่งปันความรู้กัน..
การเขียนเล่าของดิฉันมีข้อจำกัดในเฟสบุ๊ค คือ ยาวเกินก็ส่งไม่ผ่าน
ฉะนั้น…จึงจับเพียงสาระสำคัญมาเล่า เหมือนกับวางอาหารให้ตรงหน้า
แต่เคี้ยวหารสชาติเอาเอง
บางคนแชร์ไป.……แล้วมีคนมาติงว่า โยงวุ่นวายไปหมด อ่านไม่รู้เรื่อง
ธ่อว้อย…เขียนเรื่องการบ้านการเมืองในประเทศ ต่างประเทศ มันก็ต้องโยงไปหลายที่เพราะมันไม่ใช่เป็นเรื่องอย่างน้อง”อยากเลือกตั้ง” ที่
ไปจ้ำจี้กับพี่ “เอื้ออาทร” กันสองคนนี่นา…… ที่แค่ไม่กี่วินาทีก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
ที่รู้สึกแย่ที่สุด…คือการที่เห็นว่าผู้คนนิยมแนว”ชังชาติ” กันมากขึ้น
เช่นออกมาก่นด่าแผ่นดินที่อาศัยซุกหัวนอนมาตั้งแต่บรรพบุรุษ……
สาบแช่งรัฐบาล….ไม่นิยมเจ้าเพราะเกลียดความไม่เสมอภาค…
รำคาญกองทัพที่ต้องใช้งบซื้ออาวุธ…
ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ มันได้กลายเป็น “แนวร่วมสมัย” ไปแล้ว
ใครรักชาติก็หมั่นไส้…ได้ยินเพลงหนักแผ่นดินก็แสลงหู
คนพวกนี้ยังไม่เคยเห็นภาพสมัย พอลพต และ การทำงานของเขมรแดง…
ลืมตาอ้าปากจากท้องแม่มาในสมัยที่บ้านเมืองได้สงบสุข เพราะคนไทยรุ่นเก่าที่พวกเขาจงเกลียดจงชังนักนี่แหละ ที่ช่วยกันพยุงบ้านเมืองให้รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาได้ จนมีทุกวันนี้
ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตากันจริงๆ…
มีบางคนเหมือนฉลาด…ที่ยียวนว่า
“ทำไมต้องซื้อเรือดำน้ำ?”
แค่ถามก็พอรู้ถึงสติปัญญาว่า ไม่เคยออกไปสูดดมอากาศภายนอกเลย
ซ้ำหนังสือก็ไม่เคยอ่าน ข่าวสารโลกก็ตื้นเขิน…
เรือดำน้ำสมัยนี้…คือแสนยานุภาพที่น่ากลัวที่สุด เพราะสามารถส่งขีปนาวุธนิวเคลียร์จากใต้น้ำ…พุ่งเข้าสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างแม่นยำและเงียบกริบ…
เกาหลีเหนือได้พัฒนาอาวุธอย่างต่อเนื่อง และจากเรือดำน้ำ เขาสามารถส่งระเบิดนิวเคลียร์ได้ในรัศมีถึง 4500 กิโลเมตร
สามประธานาธิบดีสหรัฐ ทั้ง บุช คลินตัน และ ทรัมป์ พยายามเหลือเกินที่จะแทรกแซงในเรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ จนถึงมาตรการ”คว่ำบาตร”
ตามมาด้วยการเจรจา คือ ต่างคนต่างถอยกันคนละหลายๆก้าว สหรัฐก็ต้องไม่เอาเรื่องนิวเคลียร์มากดดันเกาหลีเหนือ
ลดจำนวนปากกระบอกปืนที่จ่อลง…จึงโอเคกันตามนั้น
คิม จอง อึน …ถึงได้เริ่มมีท่าทีเป็นมิตร จะว่าไป..ก็เพราะตอนนี้เขาไม่อยู่ในสถานะที่ต้องเกรงกลัวใครอีกแล้ว
แถมยังทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าสหรัฐ…เริ่มเล่นตุกติกเมื่อไหร่ เขาก็เปิดโรงงานอีก
ไม่เห็นจะยาก….
แล้วเราจะมาถามหรือคะ…ว่า…ซื้อเรือดำน้ำมาทำอะไร ก็อย่างน้อยเอามาไว้เป็นหูเป็นตา เขาจะกดสวิตช์กันเมื่อไหร่ จะได้อพยพกันทันไง…!!
นี่คือเรื่องของการ”ชังชาติ” ของคนที่คิดว่ามันเท่ บางคนเป็นถึงอาจารย์
แต่พูดออกมาแต่ละคำนี่…มันช่างเลวได้ใจ เลวอย่างไม่มีที่ติ…
ทีนี้มาเรื่องของการที่คนบางคนโดน”ชาติชัง…”
ปล่าวค่ะ…ไม่เกี่ยวอะไรกับเมืองไทย และไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าสาวของนักรบไอซิสด้วย
เรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศฮังการี บ้านเกืดเมืองนอนของ นาย George Soros นั่นแหละ
นายจอร์จ โซรอส ได้ใช้เงินมากมายที่เขามี พยายามสร้างประชาธิปไตย
ในทุกประเทศในโลก มากน้อยแล้วแต่กรณี
แต่ที่บ้านเกิดของเขา ฮังการี เขาทุ่มเงินมหาศาล สร้างโรงเรียน, ห้องสมุด, ศูนย์วิจัยทุกแขนงอาชีพ, มหาวิทยาลัย, ให้ทุนนักศึกษาไปต่างประเทศแบบไม่อั้น เพื่อที่จะได้กลับมาพัฒนาประเทศ..
หนึ่งในนักเรียนทุนที่เขาส่งไปเรียนถึงอังกฤษ คือ นาย
Viktor Orbán ที่ได้กลับมาเล่นการเมืองจนเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 1998 เมื่อครบเทอม และได้รับเลือกตั้งใหม่กลับมาเป็นนายกฯ อีกในปี
2010 จนถึงปัจจุบัน
โซรอสจึงถือว่าเป็นเด็กในคาถา…เขาเอา UN เข้ามายื่นมาตรการให้ฮังการีต้องเดินตามที่เขากำหนด เช่น รับเข้ามาในกลุ่มของ EU ได้รับเงินช่วยเหลือก็จริง แต่ในปี 1999 ได้บีบให้ฮังการีออกกฎหมายต้องรับผู้อพยพจาก
Romania, Slovakia, Serbia and Montenegro, Croatia, Slovenia และ Ukraine ที่มีมากมายร่วมสามล้านคน…
งานนี้นายออร์บันต่อต้านสุดฤทธิ์…เขาไม่ยอมลงให้อีกแล้ว เป็นไงเป็นกัน
เขาไม่รับนโยบาย และไม่ปฏิบัติตาม โดยใช้มวลชนเข้าร่วม ชี้ให้เห็นถึงความหายนะที่จะมาเยือนกับบ้านเมือง…ว่า
ที่เยอรมัน ต้องจ่ายให้ผู้อพยพต่อคน เดือนละ 354 ยูโร อีกทั้งต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาพยาบาล ตั้งแต่ปี 2017- 2020 เยอรมันจะต้องจ่ายทั้งหมดคือ เจ็ดพันเจ็ดร้อยล้านยูโร…ให้กับโครงการผู้อพยพ
ซึ่งทำให้เยอรมันหวังที่จะผลักดันให้ประเทศชายขอบอย่างฮังการี
ช่วยรับไปในขั้นแรกก่อน…
แต่คนฮังการี…ไม่ได้มีฐานะเหมือนอย่างคนเยอรมัน…
ซึ่งนายโซรอสในฐานะประธานของ Open Society Foundation และกลุ่มมดงานในสังกัด ทั้ง NGO, Human Rights Watch
ก็ยังยืนยันว่า…”รับๆไปก่อน อีกหน่อยเขามีงานมีการทำก็มาช่วยจ่ายภาษี…เงินทองก็จะกลับคืนมา”
วิคเตอร์ ออร์บัน ได้กัดฟันถามไปว่า
“แล้วอนาคตของลูกหลานชาวฮังการีล่ะ…เราต้องดูแลเขาก่อนไม่ใช่หรือ?”
เมื่อฮังการีแข็งขืน จอร์จ โซรอส จึงใช้อำนาจผ่านทาง EU เข้าบีบโดยใช้สำนักงานที่กรุงบรัสเซล ออกคำสั่งให้รับผู้อพยพ..
แต่ต้องโดนสวนกลับจากออร์บัน โดยเขาสั่งสร้างรั้วลวดหนามกั้นพรมแดนที่ติดกับเซอร์เบียและโครเอเชีย ทางตอนใต้
แล้วเขาประชด โดยการส่งบิลค่าสร้างรั้วครึ่งหนึ่งไปให้กับอียู…
อีกทั้งสนับสนุนให้ประชาชนมีลูกออกมาให้มากๆ ให้มาช่วยกันครองประเทศ ดีกว่าที่จะต้องแบ่งพื้นที่ให้คนอื่น
ค่าดูแลครรภ์ ค่าคลอดรัฐบาลดูแลหมด รวมทั้งสนับสนุนเงินกู้ สามหมื่นกว่ายูโรกับครอบครัว… ที่หนี้หนึ่งในสามนั้น ไม่ต้องจ่ายถ้ามีลูกคนที่สอง
และถ้ามีคนที่สาม…ยกหนี้ให้เลย
ทีนี้ถึงคราวต้องเล่นงาน จอร์จ โซรอส โดยที่เขาไม่สนใจว่าจะเป็นนายทุนออกให้เรียนหนังสือถึงเมืองนอกเมืองนา หรือจะสร้างอะไรให้ฮังการีสารพัดก็ไม่ถือว่าเป็นบุญคุณ เพราะมันเป็นการที่หว่านพืชหวังผล อีกทั้งมีเจตนาไม่ดีกับประเทศชาติ
เขาและประชาชนชาวฮังเกเรียน เปิดฉากล้างบางนายจอร์จ โซรอส
ด้วยการประจาน ติดโปสเตอร์ประกาศความร้ายกาจ และ บอยคอตทุกองค์กรในเครือข่ายของโซรอส
ฮังการี.……ถือว่า จอร์จ โซรอส คือ คนหนักแผ่นดิน….!!!
ป้ายคัทเอ้าท์และโปสเตอร์ ในความหมายว่า “Stop Soros” ได้ขึ้นทั่วเมือง ที่ประชาชนชาวฮังเกเรียนได้รวมใจกันให้ความร่วมมือ เพราะ
พวกเขาทุกคนมองเห็นว่า ประเทศกำลังอยู่ในระยะของการแทรกแซงด้วยระบบทุน
นโยบาย”ต่อต้านโซรอส”ได้ถูกเขียนขึ้นเป็นบทบัญญัติทางกฎหมายและได้ถูกนำขึ้นสู่สภา และได้ผ่านการพิจารณาลงมติผ่านเมื่อเดือนมิถุนายน 2018
ทีนี้……หมายถึงกลุ่มกรรมการสิทธิฯ กลุ่มเอ็นจีโอ…ต้องเก็บข้าวของออกไป หรือจะอยู่ก็ต้องหุบปาก…ไม่ต้องเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น
งานนี้คืองานที่ท้าทายอำนาจของมหาเศรษฐีและเย้ยสภายูโรเปี้ยนแบบ
ไม่สนใจว่า โซรอสได้โปรยเงินในประเทศมากมายมหาศาลแค่ไหน
เลวก็คือเลว…!!!
และสภายูโรเปี้ยนจะมาสั่งให้เปิดพรมแดน……ก็ไม่ได้ เพราะ
ฮังการี เพื่อ ชาวฮังเกเรียนเท่านั้น…เข้าจั๋ยยยยย!!!!