ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน การเดินทางถือเป็นกิจกรรมหลักของประชากรส่วนใหญ่ในแต่ละวัน ดังนั้น หลายๆ ประเทศจึงต้องปรับปรุงและพัฒนาระบบการขนส่งให้เหมาะสมกับความต้องการอยู่เสมอ
ล่าสุดประเทศที่มีประชากรจำนวนมากอย่างอินเดียก็เริ่มสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้ว เพื่อที่จะรองรับการเดินทางของประชากรทั่วประเทศ
สำหรับรถไฟความเร็วสูงนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2022 โดยจะลดระยะเวลาการเดินทางจาก 8 ชั่วโมง เหลือเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
ทั้งนี้อินเดียได้รับความช่วยเหลือจากญี่ปุ่น ในการสร้างรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งได้เกือบ 500 กิโลเมตร ระหว่าง Ahmadabad ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าของอินเดีย ไปยังศูนย์กลางทางการเงินของอินเดียที่เมืองมุมไบ
นอกจากเสนอความช่วยเหลือแล้วด้านการสร้างแล้ว ญึ่ปุ่นยังให้ความช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับทำโครงการนี้อีกด้วย โดยการให้กู้เงินและคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ความร่วมมือดังกล่าวนี้ส่งผลให้ผู้นำอินเดีย Narendra Modi และญี่ปุ่น Shinzo Abe ได้ระดมแรงงานกว่า 4,000 คน เพื่อฝึกอบรมในการทำรถไฟความเร็วเร็วสูง
ผู้นำญี่ปุ่นกล่าวว่า “นายกรัฐมนตรี Narendra Modi เป็นเพื่อนที่ดีของผม เขาเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เขาได้ตัดสินใจที่จะสร้างรถไฟความเร็วสูงเมื่อ 2 ปี ก่อน เพื่อที่จะนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่อินเดีย”
“เมื่อผมกลับที่นี่อีกครั้งในไม่กี่ปีข้างหน้า ผมคาดหวังว่าจะได้ชมทิวทัศน์อันสวยงามของอินเดีย ผ่านหน้าต่างรถไฟหัวกระสุน”
ทางด้านนักวิเคราะห์บอกว่า การสร้างรถไฟความเร็วสูงจะช่วยเพิ่มการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภาคอุตสาหกรรมตะวันตกของอินเดียที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยลดความแออัดในเมืองด้วย
ในการเจรจาระหว่าง Modi และ Abe คาดว่าจะมุ่งเน้นในเรื่องความมั่นคง เนื่องจากทั้งสองประเทศต่างกังวลเรื่องการคุกคามที่มาจากประเทศจีน
นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังได้ให้ความร่วมมือกันในด้านอื่นๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเป็นประเทศพันธมิตรหว่างอินเดียกับญี่ปุ่น