Notre-Dame de Paris รอดจากหายนะหลายครั้ง แต่ไม่มีอะไรที่อยู่ค้ำฟ้า ในที่สุดเปลวเพลิงก็เผาผลาญมหาวิหารไปถึง 3 ใน 4 ส่วน และยังอาจเป็นไฟที่เกิดขึ้นระหว่างการบูรณะอีกด้วย นับเป็นเรื่องยอกย้อนที่น่าเศร้า
ที่น่าเศร้ากว่า Notre-Dame de Paris ทรุดโทรมรอการฟื้นฟูมานาน แต่หาเงินบูรณะไม่ได้ พอจะบูรณะแทนที่จะดีขึ้นกลับเสียหายหนักกว่า
ที่หาเงินไม่ได้เพราะฝรั่งเศสเป็นประเทศที่แยกกิจการของรัฐออกจากศาสนา อาสนวิหารเป็นทรัพย์สินของรัฐ แต่ให้ศาสนจักรใช้งานฟรี พอถึงเวลาที่จะต้องซ่อมจึงเกิดความลักลั่น เพราะรัฐออกเงินให้ซ่อมศาสนสถานไม่ได้ ถือเป็นการสนับสนุนศาสนา ชาวฝรั่งเศสจึงต้องไปเร่ขอเงินจากคนนอก แม้แต่กับมหามิตรอย่างสหรัฐ (ดูอ้างอิง 1)
แม้ว่ายังโชคดีที่โครงสร้างหลักยังมั่นคงอยู่ เพราะหัวใจของสถาปัตยกรรมโกธิกคือโครงสร้างหิน แต่สิ่งที่มีค่ากว่าหินคือโครงสร้างไม้ส่วนหลังคาที่เป็นไม้โบราณจากยุคกลาง สร้างมาไล่ๆ กับโครงสร้างหลัก อายุประมาณ 800 ปี ตอนนั้นต้องโค่นไม้โอ๊คถึง 13,000 ต้นเนื้อไม้ที่ตัดมาใช้ก็มีอายุประมาณ 300 – 400 ปี แล้วหมายความไม้โอ๊คที่กลายเป็นเถ้าถ่านมีอายุกว่า 1,200 ปี (เคย) เป็นโครงสร้างไม้ที่เก่าที่สุดในปารีส แต่บัดนี้ไม่มีแล้ว (ดูอ้างอิง 2)
ต้องทำความเข้าใจสถาปัตยกรรมแบบโกธิกกันก่อน
วิหารแบบโกธิกมีโครงสร้างหลักเป็นหินก่อขึ้นมาเป็นหลังคาโค้งแหลมสอบเข้าหากันเรียกว่า Vault เหนือจาก Vault ขึ้นไปคือเครื่องบนเป็นไม้ ซึ่งตามปกติเราจะมองไม่เห็น ที่มีโครงสร้างไม้ไว้เพื่อทำให้มหาวิหารดูสูงสง่าเมื่อมองจากภายนอก
ไฟไหม้ครั้งนี้ ทำลายหลังคาไม้ทั้งหมดเรียกก็ว่าได้ทั้งส่วนกลาง, ส่วนบริเวณร้องเพลงสวด, มุขข้างโบสถ์ และยอดวิหาร พูดสั้นๆ คือเรียบเป็นจุณ แต่ยังไม่แน่ใจว่า Vault และหน้าต่างกระจกสีทรงกลม หรือ Rose window อันล้ำค่าจะรอดหรือไม่
อาสนวิหารแห่งนี้ รอดจากวิกฤตหลายครั้งแล้ว ครั้งแรกคือช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส ปี 1793 เกิดกระแสต่อต้านศาสนา มวลชนบุกเข้ามาทำลายวิหารจนเสียหายหนัก ประติมากรรมโบราณรูปกษัตริย์ในคัมภีร์ไบเบิลถูกตัดคอหมด เพราะผู้คนที่กำลังเกลียดชังราชสำนัก คิดว่าเป็นรูปกษัตริย์ฝรั่งเศส มีการทำลายแท่นบูชา นำรูปพระแม่ (Notre-Dame) ไปทำลายแล้วแทนที่ด้วยเทพีเสรีภาพ ในยุคที่ผู้คนกำลังหมดศรัทธาพระเจ้าและคลั่งเหตุผล จากนั้นวิหารใช้เป็นโกดังเก็บข้าวของกับอาหาร
ตอนนั้นวิหารเสียหายหนักมาก แต่ยังไม่ถึงกับสิ้นประโยชน์ในสายตานักปฏิวัติ มาสิ้นประโยชน์เอาเมื่อปี 1871 ตอนที่พวกคอมมูนแห่งปารีสที่เป็นพวกหัวรุนแรง (บรรพชนพวกคอมมิวนิสต์) เรียกร้องให้เผามหาวิหารทิ้งเสียเลย ฐานที่เป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่โดยศาสนจักร
โชคดีที่ Notre-Dame de Paris รอดมาได้อีกเพราะคอมมูนปารีสถูกปราบ แต่มาเสี่ยงจะพินาศอีกรอบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนที่นาซียึดครองปารีส ก่อนที่จะถอยทัพออกไปเพราะถูกฝ่ายสัมพันธมิตรรุกคืบ ฮิตเลอร์มีคำสั่งให้ทำลายปารีสให้ย่อยยับ แล้วถามผู้บัญชาการปารีสว่า “ปารีสเป็นจุณไปหรือยัง?” (Is Paris burning?)
แต่นายพล Dietrich von Choltitz เสียดายความงดงามของปารีสจึงขัดขืนคำสั่งท่านผู้นำไม่เผามัน ดังนั้น Notre-Dame de Paris จึงรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้อีกครั้ง (เรื่องเครดิตของ Choltitz มีการถกเถียงกันว่าจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ฝ่ายสัมพันธมิตรมีผลงานในเรื่องนี้ด้วย)
แต่สุดท้าย Notre-Dame de Paris ก็ไม่พ้นอนิจจตา ถึงรอดจากการถูกเผาในอดีต ก็ต้องถูกเผาในวันนี้
Notre-Dame de Paris ไม่ใช่อาสนวิหารเดียวที่พินาศมาก่อนแล้วถือกำเนิดใหม่เหมือนนกฟีนิกซ์เกิดจากเถ้าถ่าน อาสนวิหาร St. Stephen’s Cathedral ที่เวียนนาอันเก่าแก่และงามพอๆ กัน ก็เคยเกิดเพลิงไหม้หลังคาไม้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และสร้างกันใหม่จนสวยดังเดิม
ภาพประกอบคือ ถ่ายเมื่อปี 1859 หรือก่อนที่จะมีการสร้างยอดวิหาร (Spire) ส่วนยอดนี้ทำจากไม้หุ้มโลหะ มีอายุน้อยที่สุด คือร้อยกว่าปี แต่การโค่นลงของมันทำลายจิตใจชาวโลกอย่างมาก
ภาพโดย Le Gray, Gustave จาก Bibliothèque nationale de France
อ้างอิง
1. ดูรายงานจาก VICE News Tonight
This Is Why the U.S. Is Fixing France’s Notre Dame Cathedral
2. CNN, The entire wooden interior of Notre Dame Cathedral has been lost