วันเสาร์ 23 พฤศจิกายน 2024
  • :
  • :
Latest Update

the killing fields:การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เลวร้ายที่สุดของศตวรรษที่ 20

ตำนานสังหารที่โลกไม่เคยลืม บทบันทึกความเลวร้ายที่ปรากฎในประวัติศาสตร์ ที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันอย่างป่าเถื่อนทารุณ จากโศกนาฏกรรม “กัมพูชา” ช่วงเขมรแดงเรืองอำนาจหลังจากยึดกรุงพนมเปญได้ในปี 2518 ทั่วทั้งแผ่นดินแดงฉานด้วยเลือดประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ตกเป็นเหยื่อความโหดเหี้ยม

 

ย้อนอดีต (หลายศตวรรษให้หลังมหาอาณาจักรอันเกรียงไกร) ประวัติศาสตร์กัมพูชายุคใหม่เริ่มต้น เมื่อได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ตามข้อตกลงเจนีวาระหว่างเวียดนามกับฝรั่งเศสเมื่อพ.ศ.2497 สมเด็จเจ้านโรดมสีหนุปกครองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งผลกระทบของสงครามเย็นทำให้กัมพูชาในช่วงปี 2508 สภาพเศรษฐกิจและสังคมตกต่ำเสื่อมโทรมถึงขีดสุด เกิดความวุ่นวายทางการเมืองและการเดินขบวนประท้วงรัฐบาลของนักศึกษาประชาชน เดือนเมษายน 2510 ชาวบ้านและชาวนาในอำเภอซัมลูด จังหวัดพระตะบอง ก่อการจลาจล รัฐบาลส่งทหารเข้าปราบปรามอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนซึ่งถูกรวมเรียกเป็น ฝ่ายซ้าย หลบหนีเข้าร่วมกับฝ่ายคอมมิวนิสต์กัมพูชา ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในพื้นที่ป่าเขา ต่อมาเดือนมีนาคม 2513 นายพลลอน นอล ทำการรัฐประหาร ก่อนกองกำลังฝ่ายคอมมิวนิสต์กัมพูชา หรือเขมรแดง (Khmer Rouge) ซึ่งมีเวียดกงเป็นพันธมิตร เข้ายึดอำนาจปกครองกัมพูชาได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2518 จากนั้นมากัมพูชาอยู่ภายใต้อำนาจของนายพล พต ผู้นำกลุ่มเขมรแดง ผู้โค่นล้มรัฐบาลลอน นอล ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา

 

 

พอล พต

พอล พต

 

กัมพูชาในกำมือนายพล พต ระหว่างปี 2518-2522 ตกอยู่ในความรุนแรงสุดขั้ว เพื่อปรับปรุงระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมพึ่งตนเอง ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากภายนอกประเทศ และไม่ยอมเป็นพันธมิตรกับชาติใด ๆ โดดเดี่ยวประเทศออกจากอิทธิพลของต่างชาติ ปิดโรงเรียน โรงพยาบาล โรงงาน ยกเลิกระบบธนาคาร ระบบเงินตรา ยึดทรัพย์สินจากเอกชนทั้งหมด พล พต คลั่งลัทธิซ้ายสุด ๆ เขาเชื่อว่าระบบสังคมนิยมจะนำกัมพูชาไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเหมือนในอดีตได้

โดยประเทศควรจะอยู่อย่างสันโดษ ไม่ต้องเพิ่งวิทยาการเทคโนโลยีใด ๆ ขอให้มีข้าวกินก็อยู่ได้ เขาจึงกวาดล้างผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ทางความคิด นักศึกษาปัญญาชน แพทย์ วิศวกร นักปราชญ์ ศิลปิน เล่ากันว่าคนใส่แว่นสายตาที่ดูเหมือนมีความรู้ เป็นภัยต่อความมั่นคง ปกครองยาก จะถูกฆ่าอย่างไร้เหตุผล เขาต้องการให้กัมพูชามีแต่ชนชั้นกรรมาชีพ นี่ไม่ใช่บทหนังหรือละคร แต่เป็นความจริงที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันอย่างป่าเถื่อนทารุณ เมื่อเขมรแดงยึดกรุงพนมเปญ

ประชาชนพลเมืองถูกหลอกออกจากเมืองไปยังชนบทกันดาร พล พตต้องการเปลี่ยนให้ชาวกัมพูชากลับไปเป็นชนชั้นดั้งเดิม ใช้แรงงานเพื่อการเกษตร ทุกคนต้องเป็นชาวนาชาวไร่ อาศัยอยู่ในค่ายแรงงาน ทำงานวันละ 12 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก รวมทั้งไม่มีอาหารที่เพียงพอ ในเวลากว่า 4 ปีที่ พล พตอยู่ในอำนาจ มีผู้คนล้มตาย อดอยาก ถูกทารุณกรรม ถูกฆ่าอย่างมหาศาล “ทุ่งสังหาร” อุบัติขึ้น ณ เวลานั้น นโยบายหนึ่งที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าป็นผักปลา คือเขมรแดงต้องการให้กัมพูชาเป็นประเทศที่มีแต่คนเชื้อสายเดียว คือเชื้อสายกัมพูชา ชนกลุ่มน้อยอย่างชาวเวียดนาม และชาวจีน จึงถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ รวมถึงคนเขมรด้วยกันเอง ประเมินว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 1.5-2 ล้านคน นับเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เลวร้ายที่สุดของศตวรรษที่ 20

 

 

เดือนมกราคม พ.ศ.2522 เขมรฝ่ายที่เวียดนามหนุนหลัง บุกเข้ายึดกรุงพนมเปญ เขมรแดงแตกพ่ายมาหลบอยู่ตามตะเข็บชายแดนกัมพูชา-ไทย ในขณะที่มีระเบิดนับสิบล้านลูกฝังอยู่ทั่วประเทศ ต่อมา พ.ศ.2525 พล พตร่วมกับเจ้าสีหนุจัดตั้งรัฐบาลผสมกัมพูชาธิปไตย นายเขียว สัมพัน ขึ้นเป็นผู้นำในปี 2528 แต่เชื่อกันว่าพล พตกุมอำนาจที่แท้จริง ถึง พ.ศ.2534 กลุ่มต่าง ๆ ในเขมรลงนามสันติภาพ ให้มีการเลือกตั้งที่กำกับโดยสหประชาชาติ แต่แล้วเขมรแดงกลับปฏิเสธผลการเลือกตั้งที่จะได้รัฐบาลผสมในปี 2535 แม้ว่าจะเสียกำลังพลไปจำนวนมากแล้วก็ตาม จากการต่อสู้แย่งชิงอำนาจที่เกิดขึ้นจากภายในกลุ่มเอง

 

 

 

 

ปี 2536 สหประชาชาติสนับสนุนให้มีการจัดเลือกตั้งใหญ่ เพื่อนำประเทศกลับสู่สภาพปกติ ตอนนั้นเองที่เขมรแดงหมดอำนาจลงอย่างรวดเร็ว รัฐบาลที่ได้ครองอำนาจในระยะนั้นเป็นรัฐบาลผสม และหลังจากการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศในปี 2541 ทำให้การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น นำไปสู่การยอมจำนนของกองกำลังเขมรแดง พล พต ถูกจับกุมและสิ้นใจตายเยี่ยงคนสิ้นไร้ไม้ตอกในกระท่อมเล็ก ๆ ที่เป็นที่คุมขัง ในวันที่ 15 เมษายน 2541 สมาชิกของเขมรแดงบางส่วนยอมจำนนและถูกจับ ระดับแกนนำพากันหนีหัวซุกหัวซุน

วันที่ 19 พ.ค. เมื่อ 82 ปีก่อน ด.ช.ซาโล้ธ ซาร์ (Saloth Sar) ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก แต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้จักและสนใจ กระทั่งอีก 50 ปีต่อมา เมื่อเขากลายเป็นฆาตรกรโหด ที่ชื่อ พล พต (Pol Pot)หรือ “โปล โป้ท” ผู้นำของฝ่ายเขมรแดง ที่ใช้อำนาจเผด็จการปกครองกัมพูชาระหว่างต้นปี 2518 ถึงต้นปี 2522 วันนี้ของทุกปีผู้ที่ยังจงรักภักดีต่ออดีตผู้นำก็จะไปจุดธูปเทียน ทำบุญกรวดน้ำ และ บางคนก็ไปขอหวย ณ ศาลเพียงตามุงหลังคามุงสังกะสี ทำขึ้นครอบกองฟอน ที่นั่นอยู่ในเขต อ.อันลองแวง (Anlong Veng) จ. อุดรมีชัย (Oddor Meanchey) อยู่ห่างจากชายแดนไทยด้านช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ไม่ไกลนัก และก็ช่างบังเอิญเหลือเกิน ในวันเดียวกันนี้ของทุกปี ชาวเวียดนามก็จัดพิธีรำลึกวันคล้ายวันเกิดครบรอบปีที่ 117 ของอดีตผู้นำที่เป็น “บิดาแห่งเอกราช” โฮจิมินห์ หรือ ลุงโฮ ประธานโฮจิมินห์เกิดวันที่ 19 พ.ค.1890 ในชื่อ “เหวียนอายก๊วก” (Nguyen Ai Quoc) ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น “โห่ จี๊ มิง” (Ho Chi Minh) ในเวลาต่อมา

ภูมิหลังของบุคคลทั้งสองช่างคล้ายกันอย่างบังเอิญ หนุ่มเหวียนอายก๊วก และ ซาโล้ธ ซาร์ ล้วนเคยไปใช้ชีวิตในฝรั่งเศส และได้รับอิทธิพลจากการคอมมิวนิสต์ที่นั่น ก่อนจะเดินทางกลับไปเคลื่อนไหวในบ้านเกิด ชี้นำประเทศชาติด้วยลัทธิมาร์กซ์-เลนิน เหมือนกัน

 

S-21, Tuol Sleng Genocide Museum

 

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=4sR08ujzH3A>

 

 

เจ้านโรดมสีหนุ

เจ้านโรดมสีหนุ

 

“เขมรแดง” หรือ Khmer Rouge เป็นคำประฌามที่เจ้านโรดมสีหนุ ผู้เป็นประมุขรัฐ ใช้เรียกขบวนการคอมมิวนิสต์ของประเทศช่วง พ.ศ.2503 เพื่อให้แตกต่างจากฝ่ายขวา เขมรสีน้ำเงิน คือเขมรที่นิยมกษัตริย์ ทุกวันนี้หลักฐานความเหี้ยมโหดของเขมรแดง อยู่ในพิพิธภัณฑ์กลางกรุงพนมเปญ คือ “พิพิธภัณฑ์ตวล ชเลง” (เรือนจำตวลสเลง1975-1979) หรือ Genocide Museum แต่เดิมเป็นโรงเรียนมัธยมซึ่งตั้งชื่อตามบรรพบุรุษของพระมหากษัตริย์กัมพูชา มีตึกเรียน 4 ชั้น 4 อาคาร ในปีพ.ศ.2519 เขมรแดงเปลี่ยนโรงเรียนแห่งนี้เป็น S-21 ย่อจาก Security Office 21 สถานจองจำ และทรมานผู้คนที่เห็นว่าเป็นศัตรูก่อนเอาตัวไปฆ่า

 

 

 

******คำพูดของ พอล พต“I came to carry out the struggle, not to kill people. Even now, and you can lookat me, am I a savage person?” “ผมมาเพื่อต่อสู้สำหรับชนชั้นกรรมาชีพ (ชาวนา) ไม่ใช่มาฆ่าคน แม้บัดนี้ คุณสามารถมองมาที่ผมได้ ผมเป็นคนเลวร้ายขนาดนั้นหรือ ?”*ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้วทั้งเงิน อำนาจ ทหาร หากทั้งนี้แล้ว ปล่อยให้ผมมีชีวิตรอดจนช่วงสุดท้ายเถิด*

ผลกรรม-ถูกจับเข้าคุก ถูกคุมขัง-ถูกยึดอำนาจ-ลี้ภัยต่างประเทศ ถูกขับออกนอกประเทศ-ถูกประนาม-ตายอย่างเดียวดาย และถูกเผาโดยใช้ยางรถยนต์