ที่จริงแล้ว การเมืองในสมัยพล.อ.เปรม ถ้าได้นักเขียนเก่งๆ จะเห็นการหักเหลี่ยม ต่อรอง หักหลัง กดดัน ,
คนชื่อเปรม ..มาคนเดียว พกแต่ “หัวใจ” มาเกินร้อย
ไม่มีพรรคหนุน กองทัพที่หนุนก็คอยจะแย่งตำแหน่งกัน เผลอนิดเดียวก็ปฎิวัติ, ไม่พอใจขัดใจ ก็ปฎิวัติ,.. ใครเขียนเก่งๆ จะเป็นนวนิยายชิงอำนาจที่ยิ่งใหญ่
คนไทยรุ่นใหม่ รู้เรื่องน้อย อ่านไม่จริงจัง ไม่เกิน 7 บรรทัด ,
ผมสมัยหนุ่มๆ อ่านหนังสือ 4-7 ชม. , ถึงจะเกเรบ้าง ก็ต้องมีเวลาอ่าน . โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ การต่อสู้ชิงอำนาจ ,
ห้องสมุด และร้านเช่านิยาย คือสถานที่พบผมได้ , ถ้าหาไม่เจอ ค่ำๆก็ไปที่โต๊ะสนุ๊กแถวเยาวราช ถามแคชเชียร์ หรือถามเด็กเก็บลูก ..เจอผมแน่นอน 555
…
จะกล่าวถึงสิ่งที่พลเอกเปรม ได้ทำ เป็นตอนสุดท้ายล่ะนะ..จะพยายามสรุปเรื่องใหญ่ๆให้ นอกนั้นไปหาอ่านเอา ควรอ่านหลายๆคนเขียน หลายๆเล่ม
ตอนที่พลเอกเปรม ขึ้นเป็นนายกฯครั้งแรก ท่านไม่ได้มาจากการปฎิวัติ , ท่านไม่เคยยึดอำนาจรัฐประหารเลย แม้แต่คิดหรือสั่งการก็ไม่เคย
แก็งค์ในสภาฯ ตกลงกันไม่ได้ต่างหาก เลยซาวเสียงหาบุคคลเหมาะสม และมาเชิญท่านให้เป็น
รู้ไหม หลังจากคำปฎิญาณต่อหน้าพระพักตร์ พลเอกเปรมได้เป็นนายกฯแล้ว ท่านพูดกับคณะรัฐมนตรีว่าไง
วันแรกที่ทำงาน ท่านพูดเลยว่า
“ครม ชุดนี้ ผมขอว่า ต้องไม่คำนึงถึงหลัก 3 ประการ..คือ
1.#ไม่คำนึงถึงพรรค
2.#ไม่คำนึงถึงประโยชน์คนกลุ่มน้อย
3.#และไม่คำนึงถึงพวกตัวเอง
ช่วงเวลานั้น ประเทศไทยนอกจากสาหัสจากสงครามอินโดจีน นักศึกษาหนีเข้าป่าจับปืนต่อสู้ ยังเจอภาวะน้ำมันในไทยขาดแคลน ราคาน้ำมันที่ต่างชาติส่งมาแพง และน้อย
คนรุ่นใหม่ยังไม่รู้ว่า สมัยนั้นประเทศไทยไม่มีน้ำมันกลั่นเองใช้ ทุกคนเดือดร้อนไปทั่ว ปั้มน้ำมันทั่วประเทศเปิดปิดเป็นเวลา แค่ 2-3 ชม. รถต่อแถวยาวเพื่อเติมได้คนละนิดคนละหน่อย..เราต้องนำเข้าน้ำมัน100% ทุกหยด
พลเอกเปรมจึงมีความคิด ที่จะทำรัฐวิสาหกิจที่ดูแลน้ำมันเอง เพื่อให้คนไทยได้ใช้ จึงเกิด “ปตท” ขึ้น ,
#ปตท.#เริ่มต้นในสมัยพลเอกเปรม
ปตท.ยุคก่อนเปลี่ยนมือ รัฐถือหุ้น 100% มีจุดประสงค์คือ สร้างความมีเสถียรภาพทางน้ำมัน ไม่ใช่สร้างกำไรมหาศาลต่อผู้ถือหุ้นเหมือนทุกวันนี้
สมัยนายกฯเปรม มีการหาแหล่งน้ำมันต่างๆ ทั้งกำแพงเพชร อ่าวไทย จนเจอก๊าซธรรมชาติ ได้ขุดนำขึ้นมาใช้ .. ช่วงนั้นไทยเราจึงมีสโลแกนว่า โชติช่วงชัชวาล
นอกจากวิกฤตการณ์น้ำมันที่คนต้องต่อแถวเติมแล้ว เราถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤตการณ์ค่าเงินบาท ค่าเงินบาทไทยสูง สินค้าเกษตรขายไม่ได้ จนพลเอกเปรมต้องประกาศลดค่าเงินบาทถึง 3 ครั้ง
การลดค่าเงินตรงนี้แหละ ที่นักการเมืองไม่ชอบใจ นักธุรกิจก็โจมตี ทหารโดยเฉพาะพลเอก อาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการกองทัพบก อำนาจที่ใหญ่เท่าฟ้า ออกมาขู่พลเอกเปรมว่า ห้ามลดค่าเงินบาท (ประมาณว่า มึงลด กูยึดอำนาจ)
มาดูผลของการลดค่าเงินบาท , คิดแบบง่ายๆให้เข้าใจ ว่าถ้านักธุรกิจ นักการเมือง หรือทหารใหญ่ถือเงินอยู่ในมือ 100 บาท เวลาซื้อสินค้านำเข้าจะได้ 1ชิ้น แต่พอค่าเงินบาทลด จะต้องใช้เงินถึง 130บาท ต่อสินค้าชิ้นนั้น, หรือ 1ดอล์ จาก 23 ..ขยับไป=33 ทันที
ถ้าคนมีเป็น100ล้าน มูลค่าจะเหลือแค่ครึ่งนึง ใครจะยอม
ในทางกลับกัน คนจน เกษตรกร ส่งออกสินค้าในปริมาณเดิมจะได้เงินเพิ่มขึ้น จากราคาชิ้น 23 บาท , ตอนนี้ได้เป็นราคา 33 บาท .
หลังจากนั่งประเมิน คนเสียหายจากค่าเงิน 100 คน เท่ากับ (ลบ) -2,000 ล้านบาท
แต่คนได้ 100,000 คน เท่ากับเงินเข้า 7,000 ล้านบาท
บวกลบ น่าจะมีเงินเข้ามากกว่าเงินติดลบ 5,000 ล้าน .
..(นี้คือการคิดสรุปให้ดูง่ายๆของผมน่ะ)
…
พลเอกเปรม จึงประกาศลดค่าเงินบาท เพื่อส่วนรวม
ตามที่ท่านได้กล่าวไว้ตอนเป็นนายกฯวันแรกว่า ไม่ให้คำนึงถึงพรรค หรือพวก แต่ให้คำนึงถึงคนส่วนใหญ่
ผลคือ สินค้าส่งออกภาคเกษตร ออเดอร์ก็เข้ามามาก แต่สร้างความโกรธเคืองให้คนรวยส่วนมาก
ไม่นาน พลเอกเปรม #ก็สั่งปลด ผบทบ.#พลเอกอาทิตย์ (ทั้งๆที่เคยร่วมรบ ปราบกบฎที่จะรัฐประหารมาด้วยกัน ถือเป็นคนรู้ใจใกล้ชิด) แต่อย่างที่บอก พลเอกเปรม คำนึงถึงคนส่วนมาก มากกว่าคำนึงถึงพวกพ้อง
พลเอกเปรม จึงสั่งปลดพลเอก อาทิตย์ กำลังเอก ให้ออกจากตำแหน่ง ให้ไปนั่งตบยุง และบีบสิวเล่น โดยไม่หวั่นกองกำลังใครทั้งสิ้น
และถ้างานทำต่อไม่ได้จากการขัดแย้งขัดขาของพรรคการเมือง หรือเกิดการคอรับชั่น ท่านจะยุบสภาฯให้พวกนักการเมืองขี้ฉ้อไปหาเสียงเลือกตั้งใหม่
ต่อมาเกิดกระแสการตีรวน สร้างสถาณการณ์กดดัน ว่าให้คนไทยที่ฝากเงินไว้กับธนาคารกรุงเทพ รีบไปถอน ธ.กรุงเทพใกล้จะล้มละลาย ไม่มีเงิน เพราะการลดค่าเงินบาท
คนตกใจ แห่กันไปถอนจริงๆ คนนับพันรอหน้าธนาคารแต่เช้า และถอดเงินสดมาเก็บ จนธนาคารเตรียมเงินสดให้ไม่พอ บอกให้มาวันใหม่ ..ความตกใจลามไปทั่วประเทศ ,
มีคำถามมากมายกันว่า แล้วกสิกรละ ออมสินละ ไทยพาณิชย์ล่ะ จะมีเงินของเราอยู่ไหม ธนาคารอื่นๆต่างพาระส่ำระส่ายไปด้วย , จนกลัวจะเกิดโดมิโน่..
#ถ้าเกิดธนาคารใดธนาคารหนึ่งล้ม #จะล้มระเรระนาดไปหมดทั้งระบบ เมื่อนั้นระบบเศรษฐกิจการเงินไทยจะพังทันที..
เหตุการณ์ห้วงเวลานั้น หวาดเสียวจริงๆ
ดูการแก้ปัญหาพลเอกเปรม …
ท่านออกมายืนยันว่า ธ.กรุงเทพ มีเงิน ไม่ล้ม ให้ประชาชนสบายใจได้ พรุ่งนี้ใครอยากจะถอน ก็ไปถอนได้เลย
วันรุ่งขึ้น ที่ธ.กรุงเทพ สำนักงานใหญ่ , ไม่รู้ว่าพลเอกเปรมสั่งธ.แห่งประเทศไทยหรือเปล่า
มีเงินสดใหม่ มาตั้งกองเต็มโต๊ะท่วมหัว เรียงนับสิบโต๊ะ ทั้งด้านหลังเคาร์เตอร์ เพื่อรอให้ถอน
ประชาชนที่เปิดประตูเข้าไป เจอกลิ่นแบงค์ใหม่ พนักงานต้องแหวกกองธนบัตรออกมาบริการ …ความรู้สึกที่ไม่มั่นใจ ก็สลายไป
จากที่เตรียมถอน ก็เอามาฝากเพิ่ม
…
แค่นี้ก็สยบข่าวลือได้ง่ายๆ ..ฝีมือ”ป๋าเปรม”
นั้นคือเหตุผล ที่ธ.กรุงเทพ สำนึก.. จึงมอบตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ พร้อมเงินเดือนทุกเดือนให้พลเอกเปรม หลังจากท่านไม่เป็นนายกฯ
(ต่อมาหลังรับตำแหน่งประธานฯที่ธ.กรุงเทพมอบให้ ได้ไม่นานนัก ท่านประกาศขอไม่รับตำแหน่งนี้แล้ว เงินเดือนก็ไม่เอา ท่านว่า ไม่ได้ทำอะไร ความสามารถทางการเงินก็ไม่มี ..นี้คือ ป๋าเปรม)
เชื่อไหม ชายคนหนึ่งที่เป็นนายกฯ ที่เป็นพลเอก เป็นทหาร รบมาทั้งชีวิต พอเจอปัญหาเศรษฐกิจ งงอยู่พักใหญ่ แต่ชายคนนี้ก็เรียนรู้ได้โดย
เชิญอาจารย์เศรษฐศาสตร์ นักธุรกิจ คนชำนาญด้านการเงิน เทคโนแครตเก่งๆ มาสอนท่านที่บ้านพักทุกวันหยุด
…
พลเอกเปรม ไม่เคยมีความทะเยอทะยาน ตอนท่านยุบสภาครั้งที่ 2 เพราะนักการเมืองขัดแย้งกับวุฒิ , งานเดินไม่ได้ ท่านยุบสภาเสร็จ ท่านเก็บตัวเงียบ ไม่เอาแล้ว เหนื่อย
ขณะนั้นพลเอกประมาณ อดิเรกสาร หัวหน้าพรรคชาติไทย ก็ฟอร์มทีมตั้งรัฐบาล เตรียมเป็นนายกฯ แต่พรรคร่วมอื่นๆ ไม่ยอมรับพลเอกประมาณ
..เดือดร้อน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ต้องเป็นนกสาริกามาเจรจากับพลเอกเปรม..ให้เป็นนายกฯอีกสมัย
…
และสุดท้าย
ท้ายสุด ..ที่ท่านยุบสภา .. (ท่านเป็นนายกฯที่ เอะอะอะไร ก็ยุบสภา จนสส.กลัว เพราะเลือกตั้งเหนื่อย)
วันประกาศผลการเลือกตั้ง พรรคชาติไทย ได้สส.มากที่สุด พลตรี(ยศในขณะนั้น)ชาติชาย ชุณหวรรณ หัวหน้าพรรค ได้มาเชิญพลเอกเปรม
พลเอกเปรมถาม “เชิญในนามส่วนตัว หรือเชิญในนามพรรค”
พลตรีชาติชาย “เชิญในนามพรรคผม และในนามพรรคอื่นๆที่เข้าร่วมครับ”
พลเอกเปรม พูดเนิบๆ ช้าๆว่า “ขอบคุณ #ผมพอแล้ว …>
….
สั้นๆ แค่นี้..
#พอแล้ว ..
ท่ามกล่างความตกตะลึงของทุกคน
พลตรีชาติชาย จึงได้เป็นนายกฯคนแรก ที่มาจากการเลือกตั้ง มาจากพรรคที่ได้เสียงอันดับ1
…
ค่ำคืนนั้น พลเอกเปรม แถลงข่าวผ่านโทรทัศน์ มีความตอนหนึ่งว่า
#โดยส่วนตัวผมแล้ว #ผมเจียมตัว_เจียมใจเสมอ #ผมไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมือง #ไม่เคยมักใหญ่ใฝ่สูงที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
#ที่ทำทุกอย่างวันนี้ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเอง #แต่ทำเพื่อแผ่นดินที่เราเกิด #เราเป็นหนี้แผ่นดินนี้
…
…
กราบ???คาระวะ ลูกผู้ชาย #รัฐบุรุษ
…ที่ชื่อ
#เปรม #ติณสูลานนท์