ในขณะที่หลายฝ่ายโจมตีหรือวิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน
นักการเมืองที่สูญเสียอำนาจพยายามหาจุดอ่อนหรือสร้างประเด็นมาโจมตีรัฐบาลโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ
นอกจากวิจารณ์แล้วยังปลุกระดมให้ชาวบ้านลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลเสียอีก
…
อย่างไรก็ดี หากไม่มีอคติมากเกินไป ประเทศมีข่าวดีหลายอย่างเกี่ยวกับ
เศรษฐกิจของบ้านเมือง แต่คนไม่ค่อยพูดกันนัก
..
จะว่าข่าวดีๆพวกนี้ไม่ปรากฏในสื่อเลยก็คงไม่ใช่ เพราะข้อมูลในบทความวันนี้ ผู้เขียนก็รวบรวมสะสมไว้ จากสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อดิจิทัล
แต่เป็นข่าวกระจัดกระจาย
แต่เมื่อนำมารวบรวมเรียบเรียง วิเคราะห์แล้วทำให้ได้ภาพของจริงที่เกิดขึ้น
….
สามปีที่ผ่านมารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีเสถียรภาพ มีการปรับคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจหลายครั้ง รัฐบาลใช้ความพยายามอย่างมากท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจในโลกและในบ้านเรา จนปรากฎผลงานทางเศรษฐกิจเป็นรูปธรรม
เป็นตัวเลขที่จับต้องได้ รับรองโดยองค์กรต่างประเทศ และองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชนในประเทศไทย โดยเฉพาะเศรษฐกิจมหภาคที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองอยู่รอด
—
ภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาคของประเทศไทยในปี 2560 สรุปว่าดีขึ้นทุกตัว หรือเกือบทุกตัว
ตลาดหุ้นไทยปิดตัวเมื่อสิ้นปี 2560 สูงสุดในรอบ 30 ปี ในแดนบวก 1,800 จุด แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นที่จะลงทุนในไทย
นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากกว่า 35ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 1.8ล้านล้านบาท
ส่วนคนไทยก็เที่ยวทั่วไทย ถึง 15.2ล้านคน สร้างรายได้หมุนเวียนในประเทศ 9.3แสนล้านบาท
เมืองไทยโชคดีอยู่อย่าง
ก่อนนั้นการส่งออกไม่ดี รายได้จากการส่งออกน้อยลง แต่มีรายได้จากการท่องเที่ยวมาชดเชย
เมื่อการส่งออกดีขึ้น นักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยมากขึ้น รายได้ก็ยิ่งทะลุเพดานไปกันใหญ่
การเลื่อนการเลือกตั้ง 3 เดือน ไม่กระทบกับเศรษฐกิจในภาพรวมจากการสำรวจของโพล
การคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2561 ได้รับการปรับสูงขึ้นจากครั้งก่อนอันเป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจปี 2560 ล่าสุด… กล่าวคือ ปี 2561 จีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 4.2 การส่งออกโตร้อยละ 6.6 หรือการส่งออกโดยรวมในปี 2561 จะเพิ่มร้อยละ 5.7 สิ่งที่ต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดคือ
– ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
– นโยบายของเศรษฐกิจประเทศที่พัฒนาแล้ว
– ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งตัวกว่าปี 2560
– และ รัฐบาลต้องดูแลสินค้าเกษตรอย่างใกล้ชิด เพราะอาจได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่เพิ่มขึ้น
….
นอกจากนี้ ภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจของไทยในสายตาของต่างประเทศดีขึ้นมาก ธนาคารโลกรายงานเมื่อปลายปี 2560 ว่า ไทยจะพ้นจากประเทศความยากจนไปสู่ประเทศมั่งคั่ง
นอกจากนั้นการที่ประเทศต่างๆทยอยปลดล็อคในเรื่องต่างๆ จะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เช่น สหรัฐฯปลดล็อกไทยเรื่องการละเมิดสินค้าทรัพย์สินทางปัญญาจากประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ, สหรัฐฯใน “ทิป รีพอร์ต” ลดระดับความรุนแรง จากเทียร์ 3 เหลือ เทียร์ 2 เฝ้าระวัง
องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO) ปลดธงแดงไทย โดยรับรองว่า การบินพลเรือนของไทย มีความปลอดภัย
“ไซเตส” ปรับไทยพ้นบัญชีค้างาช้างผิดกฎหมาย
ส่วน IUU แห่งสหภาพยุโรป แม้ยังไม่ปลดใบเหลือง แต่ก็ไม่ได้ให้ใบแดง คาดว่าปีต่อไปไทยจะได้รับการตอบสนองที่ดีกว่านี้ เพราะหน่วยงานของรัฐได้ร่วมมือกันทำงานและประสานกับสหภาพยุโรปในการแก้ไขปัญหาทำประมงผิดกฎหมาย ผิดระเบียบ ซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างน่าพอใจ
—
สภาเศรษฐกิจโลก ได้ปรับลำดับของไทยด้านขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเลื่อนลำดับจากที่ 36 มาเป็นที่ 34 จาก 137 ประเทศทั่วโลกที่ถูกสำรวจ โดยไทยดีขึ้นทุกด้าน ยกเว้นด้านการศึกษาและการเงิน
ล่าสุด ยูเอสนิวส์ แอนด์ เวิร์ล รีพอร์ต ซึ่งจัดลำดับประเทศที่ดีที่สุดในโลกด้วยใช้เกณฑ์ชี้วัดหลายอย่างให้ไทยเป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลกลำดับที่ 27 จาก 90 กว่าประเทศ เพราะมีความดีเด่นหลายด้าน
และยังให้ไทยเป็น..
อันดับ 1 ของประเทศที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก
อันดับ 5 ของประเทศที่เหมาะสำหรับการศึกษาต่อมากที่สุดในโลก
อันดับ 8 ของประเทศที่เหมาะสำหรับการมาลงทุนมากที่สุดในโลก
อันดับ 9 ของประเทศที่เหมาะสำหรับการมาเที่ยวคนเดียวมากที่สุดในโลก
และเป็นอันดับ 4 ประเทศที่มีทิวทัศน์สวยงามที่สุดในโลก
อันดับที่ 20 ประเทศที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นทำงานมากที่สุดในโลก
อันดับที่ 20 ประเทศที่เหมาะสำหรับการเกษียณอายุมากที่สุดในโลก
อันดับที่ 26 ประเทศที่มีการวางแผนอนาคตมากที่สุดในโลก
…
ด้านการเมืองระหว่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ โดยอ้างว่าเพราะพอใจที่รัฐบาลกำหนดตารางเวลาการเลือกตั้งค่อนข้างชัดเจน แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลคสช. ไม่ได้ต้องการอยู่ในอำนาจตลอดไปเท่ากับรับรองรัฐบาลชุดนี้หลังจากตั้งแง่ไม่คบค้าด้วย โดยอ้างว่าเป็นรัฐบาลมาจากการรัฐประหาร ในขณะที่กลุ่มที่สูญเสียอำนาจปล่อยข่าวว่าจะไม่มีนักลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุนในไทยเพราะรัฐบาลมาจากการรัฐประหาร แต่ปรากฎว่านักลงทุนต่างชาติแห่กันมาลงทุนในไทยมากมาย
…
ข่าวดีด้านเศรษฐกิจของประเทศทำให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง “ตาร้อน” จนทำอะไรไม่ถูก นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ฯประกาศว่า ปี 2561 – 2564 จะเป็น “อนาคตของประเทศ” เพราะรัฐบาลมีโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอีอีซีฝั่งตะวันออก โครงการลงทุนด้านสาธารณูปโภค ทั้งถนน รถไฟ สนามบิน มูลค่าหลายแสนล้านบาท ที่จะดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ แห่กันเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
เวลานี้หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ประเทศไทยจะเจริญรุดหน้าไปอีกก้าวหนึ่ง
กลุ่มผู้สูญเสียอำนาจหวังว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะไปไม่รอดเพราะประเทศต่างๆ ไม่คบหาสมาคมด้วย ไม่ติดต่อค้าขายทางเศรษฐกิจด้วย นักลงทุนต่างชาติจะไม่มาลงทุนในประเทศไทย รัฐบาลจะถูกโดดเดี่ยว ประชาชนจะลุกฮือขึ้นมา แต่ปรากฏว่า เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม “แผนโลกล้อมประเทศ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง” ดังนั้น ฝ่ายตรงข้ามจึงโหมกระหน่ำโจมตีรัฐบาลเรื่องเศรษฐกิจระดับชาวบ้าน เพื่อปลุกระดมให้ชาวนาชาวไร่ลุกฮือขึ้นประสานกับขบวนการประชาธิปไตยในเมือง รัฐบาลได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจระดับชาวบ้านมากน้อยเพียงใดและมีผลสำเร็จอย่างไรบ้าง ขอยกยอดไปเขียนต่อในสัปดาห์หน้า
—
15-2-2561
ผู้เขียน – คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ