3. จุดจบประชาธิปไตย
คุณสิริอัญญา เขียนบทความ “จีนภายใต้มติสมัชชาสมัยที่19” ว่า “ประเทศจีนหลังสมัชชาที่19 จะยังคงเป็นสังคมนิยมแบบจีน หรือที่เรียกว่าสังคมนิยมที่เห็นเอกลักษณ์ของจีนยุคใหม่ ซึ่งเป็นทฤษฎีของสีจิ้นผิง ที่ต่อยอดมาจากบทเรียนแห่งชาติของจีน
“สีจิ้นผิงได้ประกาศยืนยันในระหว่างการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่า ประเทศจีนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอารูปแบบการปกครองที่ล้มเหลวของชาติอื่นมาใช้ในการปกครองประเทศจีน เพราะระบอบสังคมนิยมแบบจีนนั้นมีความาล้ำเลิศ และได้ผ่านการพิสูจน์บนเส้นทางอันยาวนานของประเทศจีนมาแล้ว”
เท่ากับว่าจีนฉีกตำราประชาธิปไตยทิ้งแล้ว ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง จีนจะใช้ระบอบการปกครองแบบพรรคเดียว โดยเดินตามรอยอุดมการณ์สังคมนิยมแบบจีนๆที่พัฒนาขึ้นมาเองหลังจากที่ประธานเหมาได้เปลี่ยนแปลงการปกครองในปี1949
เป็นที่น่าสังเกตุว่า อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ของจีนไม่นับถือศาสนาใด เพราะว่าเดินตามแนวทางวัตถุนิยมวิภาษวิธีของคาร์ล มาร์กซ์ที่เชื่อว่ามนุษย์สร้างพระเจ้า และศาสนาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกดขี่มนุษย์ด้วยกัน จิตหรือวิญญาณไม่มี ทุกอย่างเป็นปรากฎการณ์ของวัตถุ ความเชื่อในเรื่องวิญญาณหรือตายแล้วเกิดใหม่เป็นความงมงาย
มาร์กซ์เชื่อว่าความเจริญของวัตถุที่มาจากปัญญาของมนุษย์เป็นสิ่งที่ทำให้สังคมมนุษย์ก้าวหน้าต่างหาก แต่ปัญหาคืิอมนุษย์กลับเอาเปรียบกันเอง โดยชนชั้นปกครอง ไม่ว่าจะเป็นพระราชา ขุนนาง และนายทุนที่ควบคุมปัจจัยในการผลิตไม่ว่าจะเป็นที่ดินหรือเงินทุน ทำให้ชนชั้นชาวนา หรือชนชั้นแรงงานถูกเอารัดเอาเปรียบ
มาร์กซ์เลยนำเสนอทฤษฎีปฏิวัติชนชั้นแรงงาน ให้โค่นล้มระบบเก่าอันจะนำไปสู่สังคมอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ที่ไม่มีชนชั้น โดยรัฐบาลของชนชั้นกรรมาชีพจะดูแลสังคมให้มีความเสมอภาคอย่างแท้จริง
จากคัมภีร์แมนีเฟสโตคอมมิวนิสต์ของมาร์กซ์นี้เอง นำไปสู่การปฏิวัติคอมมิวนิสต์รัสเซียของเลนิน และปฏิวัติคอมมิวนิสต์ประเทศต่างๆในยุโรปตะวันออก ปฏิวัติคอมมิวนิสต์ของจีนโดยเหมา เจ๋อตุง ปฏิวัติคอมมิวนิสต์คิวบาของฟิเดล คาสโตร ปฏิวัติคอมมิวนิสต์เกาหลีโดยคิม อิล ซ็อง ปฏิวัติคอมมิวนิสต์เวียดนามของโฮจิมินห์ ปฏิวัติคอมมิวนิสต์ลาว ปฏิวัติคอมมิวนิสต์กัมพูชา ฯลฯ
ประเทศไทยโชคดีมีบุญที่มีรัชกาลที่9 เพราะว่าพระองค์ทรงต่อสู้อย่างเข้มแข็ง ทรงงานด้านความมั่นคง สังคม เศรษฐกิจและการเมืองอย่างต่อเนื่องมาตลอดเพื่อที่จะรักษาประเทศจากการถูกลัทธิคอมมิวนิสต์เข้ามายึดครอง ทำให้ไทยยังคงรักษารากเหง้า และความเป็นเมืองพุทธของตัวเองเอาไว้ได้
จะเห็นได้ว่าทุกประเทศที่ผ่านการปฏิวัติคอมมิวนิสต์มีปัญหาทั้งนั้น เพราะว่าไปโค่นล้มระบบเดิมแบบถอนรากถอนโคน ทำให้ไม่มีความต่อเนื่องระหว่างอดีตกับปัจจุบัน แทนที่สังคมจะรักษาของเดิมหรือรากเหง้าที่ดีอยู่แล้ว แล้วค่อยๆวิวัฒนาการจากแรงผลักดันภายใน และปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงที่มาจากภายนอก กลับล้มของเดิมแบบถอนรกถอนโคนเพื่อรับขอใหม่ การปรับตัวจึงมีปัญหา เพราะว่ารากแก้วถูกถอนไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะเริ่มสังคมหรือชีวิตใหม่อย่างไร และเป้าหมายข้างหน้าคืออะไร ไม่มีความชัดเจน มีแต่ความอ้างว้าง
ความจริงแล้ว สังคมหรือประเทศไม่ได้อยู่ได้ด้วยวัตถุอย่างเดียว เหมือนกับที่มาร์กซ์บอก แต่ตั้งอยู่บนรากฐานของภูมิปัญญาและวิธีปฏิบัติที่สืบทอดกันมาของคนโบราณ จารีตประเพณี ศาสนา และหลักความเชื่อที่หล่อเลี้ยงจิตใจ เมื่อส่วนที่เป็นจิตใจหายไป ความเป็นสังคมหรือประเทศก็เสื่อมลงไป
ประเทศใดก็ตามที่ทำลายรากเหง้าของตัวเอง หรือปล่อยให้คนอื่นทำลายรากเหง้าของตัวเอง ประเทศนั้นจะไม่มีความมั่นคง เพราะว่าทั้งผู้นำและประชาชนจะขาดพื้นฐานของจิตใจที่เพาะบ่มกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จะเห็นวัตถุดีกว่าจิตใจ และจะกอบโดยวัตถุหรือความมั่งคั่งอย่างเดียว โดยที่ไม่รู้จักพอ เกิดความเหลื่อมล้ำ ทำให้มีปัญหา
ช่วงต้นศตวรรษที่20ในทางการเมืองของจีนถือว่าเป็นการลองผิดลองถูก แต่ที่รุนแรงที่สุดคือการที่จีนสูญเสียระบบจักรพรรดิที่มีมาหลายพันปี โดยซุนยัดเซนเป็นผู้นำการปฏิวัติโค่นล้มราชวงศ์ชิงในปีคศ.1911 จีนก้าวไปสู่ระบบสาธารณะรัฐในเวลาไม่นาน เกิดมีสงครามกลางเมืองต่อสู้เพื่อช่วงชิงอำนาจภายในการเอง แต่ในที่สุดเหมาปฏิวัติคอมมิวนิสต์จีนสำเร็จ ชนะกองทัพของเจียงไคเช็คที่หนีไปอยู่เกาะไต้หวัน และก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปีคศ 1949
เหมือนกับนักปฏิวัติคนอื่นๆ เหมาพบว่าการปฏิวัติจีนยากมาก แต่จะปกครองจีนอย่างไรยากยิ่งกว่าเสียอีก
ยิ่งช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมจีนระหว่างปีคศ 1966- คศ. 1976ที่มีการเผาตำรา ทำลายลัทธิขงจื้อ และหันหลังให้ศาสนา ชนชั้นกลางและชนชั้นที่มีความรู้ถูกทำลาย ถูกย้ายให้ไปอยู่ชนบท ทำให้จีนตกต่ำทรุดลงด้านจิตใจ และสูญเสียรากเหง้าที่เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรม ภูมิปัญญาโบราณ ขนบธรรมเนียมประเพณี และวิธีปฏิบัติที่มีมาแต่เดิม เหมาเองก็หลับหูหลับตาให้กับการปฎิวัติวัฒนธรรมที่รุนแรงดำเนินไป เพราะว่าในเบื้องลึก มันเป็นการต่อสู้กันภายในกันเองเพื่อช่วงชิงอำนาจระหว่างขั้วที่ต้องการนำเอาลัทธิทุนนิยมมาใช้ มีการคอรัปชั่น กับขั้วที่ต้องการใช้อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ จึงต้องมีการกวาดล้างกัน
การปฏิวัติวัฒนธรรมจีนกลายเป็นจุดด่างพร้อยของเหมาที่ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ประวัติศาสตร์อาจจะไม่มีเมตตาต่อเหมาในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในรุ่นต่อๆมามีปัญหาในการวางตัวเหมาในบริบทของจีนสมัยใหม่ เพราะว่าเหมามีสถานภาพเป็นบิดาของสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้มีความพยายามที่จะประนีประนอมด้วยการมองว่าแม้เหมาจะมีจุดด่างพร้อยบ้าง เพราะว่าไม่ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะสมบูรณ์ไปหมด แต่คุณความดีของเหมามีมากกว่าความผิดพลาด
ในเมื่อลัทธิคอมมิวนิสต์ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจจีนได้ ผู้นำจีนรุ่นต่อมาคือเติ้ง เสี่ยวผิงได้ตัดสินใจหันหลังให้เศรษฐศาสตร์แบบคอมมิวนิสต์โดยใช้ทุนนิยมทางเศรษฐกิจ มีการเปิดประเทศใหม่ในปีคศ 1979เพื่อรับเอาเงินทุนและการลงทุนจากภายนอกเพื่อพัฒนาประเทศ แต่การเมืองยังคงรักษาระบบพรรคเดียว หรือพรรคคอมมิวนิสต์อยู่ และเรียกระบอบการปกครองของตัวเองว่า จีนปกครองโดยสังคมนิยมแบบจีนๆ (Chinese style socialism)
ตั้งแต่นั้นมาจีนก้าวหน้ารวดเร็วมากทางเศรษฐกิจจนกลายเป็นเบอร์2รองจากสหรัฐอเมริกาในเวลานี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงมีวิสัยทัศน์ของการสร้างจีนใหม่ ผ่านระบอบสังคมนิยมแบบจีนๆ ผ่านความฝันของจีน Chinese Dream เพื่อให้จีนทวงความเป็นมหาอำนาจคืนจากโลกตะวันตกในศตวรรษที่21 โดยที่คนจีนจะมีความกินดีอยู่ดีพอประมาณ มีเศรษฐกิจที่รุ่งเรือง ก้าวหน้าไปพร้อมกับวิทยาการความรู้ที่ทันสมัย มีโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ อย่างไรก็ตามพื้นฐานหรือรากเหง้าของความเป็นจีนจะฟื้นอย่างไรยังไม่ชัดเจน
แต่ที่ชัดเจนที่สุด จีนไม่เอาประชาธิปไตย ใครจะทำไม ที่สำคัญไม่เอาประชาธิปไตยแต่สามารถสร้างชาติให้กลับมายิ่งใหญ่ได้ และอีกไม่นานจะแซงหน้าสหรัฐแล้ว โดยธนาคารโลกบอกว่าภายในปี2030 เศรษฐกิจจีนจะใหญ่กว่าเศรษฐกิจสหรัฐ
thanong
4/11/2017
4. จุดจบประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยของสหรัฐพบจุดจบในวันที่22 พฤศจิกายน ปีคศ 1963 เมื่อประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคเนดี้ถูกลอบสังหารที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัสอย่างเหี้ยมโหด
ใครฆ่าเคเนดี้?
หลักฐานชี้ชัดว่า รัฐบาลเงา (Deep State) ซึ่งมีหน่วยงานความมั่นคงอยู่ในมือ เป็นผู้วางแผนฆ่าเคเนดี้ที่ประชาชนอเมริกันเลือกให้เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เพื่อปกป้องสถานภาพของตัวเอง เพราะว่าเคเนดี้ขู่ว่าจะทำลายพวกที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลเงาทั้งหมด เพื่อว่าสังคมอเมริกันจะปลอดจากภัยมืด เคเนดี้ต้องการให้โลกจะมีความสงบสุขที่แท้จริงด้วยแผนสันติภาพกับรัสเซีย เพราะว่าสงครามโลกได้ยุติลงเมื่อ10กว่าปีที่แล้วเขาต้องการให้มีการยุติสงครามเวียดนาม ไม่ต้องการเข้าไปแทรกแซงการเมืองของคิวบา หรือยกเลิกการลอบสังหารฟิเดล คาสโตร เมื่อทำเช่นนี้แล้ว สังคมประชาธิปไตยที่แท้จริงของอเมริกาจะกลับคืนมา
อุดมการณ์และความตั้งใจของของเคเนดี้ยิ่งใหญ่มากแม้ว่าเขาจะมีอายุน้อยเพียง45-46ปีเท่านั้น ต้องยอมรับว่าตระกูลเคเนดี้เป็นพวกอิลิท แต่เคเนดี้แหกคอก ถ้าเขาทำสำเร็จ เคเนดี้จะเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว
แต่มันเป็นความลับที่เปิดเผยว่าตระกูลร็อคกี้เฟลเล่อร์เป็นอิลิทเบอร์1ของสหรัฐ และอยู่เบื้องหลังเกือบจะทุกอย่าง
หลังสงครามโลกครั้งที่2 ความเป็นรัฐบาลเงาเริ่มปรากฎเด่นชัดมากยิ่งขึ้น เพราะว่ามีการตั้งหน่วยงานความมั่นคงไม่ว่าจะเป็นซีไอเอ สภาความมั่นคง (National Security Agency) บทบาทของเพนตากอนที่เพิ่มขึ้น และอิทธิพลที่เด่นชัดของพ่อค้าอาวุธที่ประธานาธิบดีไอเซ่นฮาวร์เรียกว่า military industrial complex ประธานาธิบดีเป็นเพียงนักการเมืองที่ต้องดำเนินนโยบายความมั่นคง และทางทหารที่พวกรัฐบาลเงาได้วางเอาไว้
ช่วงที่เคนเนดี้เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ เขารู้สึกว่าซีไอเอมีอิทธิพลมาก มีความพยายามที่จะให้ทำเนียบขาวสั่งงานตามที่ซีไอเอต้องการ ซีไอเอต้องการที่จะล้มรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของคิวบา และลอบสังหาคาสโตร มีการจัดกองกำลังกู้ชาติคิวบาขึ้น โดยยกพลขึ้นบกที่Bay of Pigsระหว่าง17-19เมษายนปี1961เพื่อที่จะก่อหวอดภายใต้การสนับสนุนของซีไอเอเพื่อที่จะล้มรัฐบาลคาสโตร ทางซีไอเอจะส่งฝูงบินใหญ่เข้าไปสนับสนุนเพื่อก่อการปฏิวัติ เคนเนดี้ได้รับรู้ถึงแผนนี้ เขาไม่พอใจ แต่ยอมเล่นตามเกมไปก่อน แต่สั่งให้พวกซีไอเอให้ลดกำลังอากาศลง เพราะว่าไม่ต้องการให้มันเอิกเกริกเกินไป ผลก็คือพวกกองกำลังกู้ชาติคิวบา1,000คนที่ได้รับการฝึกโดยซีไอเอยกคนขึ้นบกที่Bay of Pigs เพื่อก่อการปฏิวัติล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า เพราะว่านัดแล้วไม่มา โดนคาสโตรสอยเหมือนใบไม้ร่วง เหมือนกันกับปฏิวัติเมืองไทยที่นัดแล้วไม่มา
หลังจากนั้นเคเนดี้สั่งปลดAllen Dulles ผู้อำนวยการซีไอเอ ที่พยายามมีอำนาจเหนือทำเนียบขาว พร้อมกับเจ้าหน้าที่ซีไอเอระดับสูง เคเนดี้บอกกับน้องชายRobert Kenedyที่เป็นผู้ช่วยของเขาว่า เขาตั้งจะทุบซีไอเอให้แหลกเป็นล้านๆชิ้น แล้วขว้างมันทิ้งไปกับสายลม
หลังสงครามโลกครั้งที่2แทนที่โลกจะเข้าสู่ยุคแห่งสันติภาพ เพราะว่าเกิดสงครามใหญ่ที่สร้างความเสียหายมา2ครั้งแล้วในต้นศตวรรษที่20 แต่ปรากฎว่ารัฐบาลเงาสหรัฐต้องการเร่งสร้างอาวุธนิวเคลียร์เพื่อครองความเป็นจ้าวโลกที่แท้จริง เนื่องจากโลกแบ่งออกเป็น2ค่ายในเวลานั้นคือค่ายโลกเสรี นำโดยสหรัฐและค่ายสังคมนิยมคอมมิวนิสต์นำโดยรัสเซีย ส่วนคอมมิวนิสต์จีนยังคงเป็นยักษ์หลับอยู่ รัสเซียถังแตกแล้วจากสงครามโลกครั้งที่2 ต้องสูญเสียระบอบจักรพรรดิ และประเทศโดนปฏิวัติโดยพวกคอมมิวนิสต์บอลเชวิค พูดง่ายๆ รัสเซียบอบช้ำมากจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ไม่อยู่ในฐานะที่จะแข่งขันการสร้างอาวุธมหาประลัยทำลายโลก แต่จำใจต้องแข่ง
เคนเนดี้มองเห็นถึงภัยของสงครามนิวเคลียร์ เพราะว่าสหรัฐทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่ญี่ปุ่นแล้ว2ลูก สร้างความเสียหายเหลือคณานับ เขาจึงต้องการริเริ่มแผนนิวเคลียร์สันติภาพกับผู้นำของรัสเซีย หรือนิโรไล ครุสชอฟในเวลานั้น หลังเกิดเหตุลอบสังหารคาสโตร ทางรัสเซียแอบเอาอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาติดตั้งในคิวบา เพื่อปกป้องคิวบา และเพื่อถล่มสหรัฐ ฝ่ายเคเนดี้มีการเจรจากับครุสชอฟให้ถอนนิวเคลียร์ออกจากคิวบา มิเช่นนั้น กองทัพสหรัฐจะยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ใส่กองทัพรัสเซีย โลกตกอยู่ภายใต้วิกฤติสงครามนิวเคลียร์ระหว่างวันที่16-28ตุลาคม ปี1962 ในที่สุดครุสชอฟยอมถอย แต่ถอยอย่างมีเงื่อนไขว่าสหรัฐจะไม่แตะต้องคิวบา ด้วยเหตุนี้เอง คิวบาจึงไม่ถูกสหรัฐรุกรานในรัฐบาลอเมริกันต่อๆมา
เหตุการณ์วิกฤตินิวเคลียร์ทำให้เคเนดี้ต้องการริเริ่มแผนสันติภาพกับรัสเซีย และกลับมาฟื้นฟูสัมพันธไมตรกับคิวบา
แต่ในขณะเดียวกันพวกรัฐบาลเงาต้องการก่อสงครามเวียดนาม เพื่อพัฒนาอาวุธ พวกMilitary Industrial Complexจำต้องก่อสงครามไปเรื่อยๆ เพราะว่าสงครามคือกำไร และการได้มีโอกาสพัฒนาอาวุธ ถ้าไม่มีสงคราม อาวุธขายไม่ได้ และไม่มีการพัฒนาอาวุธและกองทัพ
เคเนดี้ต้องการยุติสงครามเวียดนามที่ไร้สาระ และกำลังจะเร่งเครื่องนี้
เรื่องการสกัดคอมมิวนิสต์เวียดนาม หรือทฤษฎีโดมโนเพียงเรื่องหลอกเด็ก ส่วนรัสเซียก็ต้องพัฒนาอาวุธเพื่อช่วยเวียดนาม และประเทศอื่นๆที่ถูกสหรัฐก่อสงคราม สงครามเวียดนามทำให้เกิดปัญหากระทบการคลังของรัฐบาลสหรัฐอย่างรุนแรง ก่อนที่สงครามจะยุติในปี1975 หลังจากดำเนินมา10กว่าปี
ที่บอกว่าสหรัฐแพ้พวกเวียดกงไม่น่าจะจริง สหรัฐถอนออกจากเวียดนาม เพราะว่าบรรลุจุดประสงค์ของการทดลองวุธ และสร้างอาวุธร้ายแล้วต่างหาก เวียดนามเป็นเพียงหนูทดลอง เพราะว่าเวียดนามไม่ได้เป็นประเทศยุทธศาสตร์อะไร ตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันของโลกเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สหรัฐเล็งเป้าต่างหาก และสหรัฐมีเทคโนโลยี่ทางทหารที่พัฒนาจากสงครามเวียดนามแล้ว และพร้อมที่จะเข้าไปจัดการดูแลพลังงานในตะวันออกกลาง และสร้างเปโตรดอลล่าร์ในเวลาต่อมา
เคเนดี้รู้ว่าอำนาจของพวกรัฐบาลเงาอยู่ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (US Federal Reserve)ที่เจ้าของเป็นพวกนายแบงก์วอลล์สตรีท ธนาคารกลางสหรัฐพิมพ์เงินดอลล่าร์ ที่เรียกว่าFederal Reserve Noteให้คนอเมริกันและรัฐบาลอเมริกันใช้ ซึ่งผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐที่ระบุว่า มีเพียงคอสเกรซเท่านั้นที่จะพิมพ์เงิน หรือหล่อเหรียญเงินเหรียญทองออกมาใช้ได้ ในอดีตก่อนมีธนาคารกลางสหรัฐ กระทรวงการคลังทำหน้าที่พิมพ์ดอลล่าร์ในรูปTreasury Note
เคเนดี้สั่งให้กระทรวงการคลังพิมพ์Treasury Note ออกมาแข่งกับFederal Reserve Noteของธนาคารกลาง พวกรัฐบาลเงารู้ว่าเคเนดี้เอาจริง กำลังก่อสงครามเงียบกับพวกเขา ถ้าไม่จัดการกับเคเนดี้มีหวังฉิบหายกันหมด
การวางแผนลอบฆ่าเคเนดี้จึงเกิดขึ้น โดยที่ทั้งซีไอเอ เอฟบีไอ และหน่วยงานความมั่นคงอื่นๆ และแม้แต่ลินดอน จอห์นสัน รองประธานาธิบดีไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ จอห์นสันเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่ารัฐเท็กซัส ถิ่นของตัวเองพอดี
หลังจากที่เคเนดี้ถูกฆ่าตายที่ดัลลัสในวันที่22พฤศจิกายน 1963 จอห์นสันได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทน เขาเลิกล้มแผนการทุกอย่างของเคเนดี้ โดยที่สงครามเวียดนามเดินหน้าต่อไป สหรัฐก่อสงครามเย็นกับรัสเซียทำให้โลกอยู่ภายใต้อันตรายของการทำลายล้าง เพราะว่ามีการแข่งกันสร้างอาวุธมหาประลัย และที่สำคัญประธานาธิบดีจอห์นสันยกเลิกคำประกาศ (Executive Order)ของเคเนดี้ที่ให้กระทรวงคลังพิมพ์Treasury Noteออกมาแข่งกับธนาคารกลางที่วอลล์สตรีทคุมอยู่
จากนั้นจนถึงวันนี้ ประธานาธิบดีของสหรัฐอยู่ในแถวของรัฐบาลเงา (Deep State)อย่างว่านอนสอนง่ายทุกคน ทรัมป์ก็ไม่ได้ยกเว้น แถมแสดงบทบาทไม่เนียนเพราะว่ายกอำนาจการบริหารประเทศให้กับนายพลJohn Kelly ผู้อำนวยการทำเนียบขาว (chief of staff) นายพลJames Mattis รมวกลาโหม นายพลH R MacMaster ผู้อำนวยการสภาความมั่นคง เรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว แถมเพิ่มงบกลาโหมอีกเกือบ10% หรือ$54,000ล้าน ทำให้งบกลาโหมพุ่งสูงกว่า$700,000ล้าน
เดือนนี้จะครบรอบ54ปีของการตายของเคเนดี้ เอกสารลับของทั้งซีไอเอและเอฟบีไอเกี่ยวกับการสอบส่วนคดีเคเนดี้ต้องได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะชน ทรัมป์สัญญาว่าจะเปิดให้หมด แต่ซีไอเอและเอฟบีไอพยายามดึงเรื่องไม่ให้เปิดหมด โดยอ้างว่าจะส่งผลกระทบความมั่นคง
ประชาธิปไตยสหรัฐมีแค่นี้จริงๆ คือคนอเมริกันหย่อนบัตรเลือกผู้แทน สส และสว และประธานาธิบดี เสร็จแล้วนักการเมืองเหล่านี้ก็ตั้งแถวทำงานให้รัฐบาลเงา (Deep State)
thanong
4/11/2017
http://www.informationclearinghouse.info/48106.htm