ทำไม ขบวนการชังชาติ เคลื่อนไหวยุยงปลุกปั่น”วันถวายพระเพลิงพระบรมศพ”เอื้อลี้ภัยการเมือง? ปราชญ์ สามสี ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐
ก่อนหน้านี้ได้มีการรายงานข่าวของ ข่าวบางสำนักที่รายงานถึงกลุ่มขบวนการหมิ่นสถาบันฯ ที่จ้องอยู่ในต่างประเทศ พยายามปลุกระดม ให้ในเครือข่าย”เสื้อแดงสาธารณรัฐ”ออกมาป่วน ช่วงวันสำคัญของชาติ ภายใน เดือนตุลาคมนี้
เรื่องนี้ ในทัศนะข้าพเจ้าเป็นเรื่องที่เรียกว่า เป็นไปได้ยาก เนื่องจาก แท้จริงแล้วารพยายาม ” เบี่ยงประเด็น “ในบางประเด็นและเป็นการพยายาม สร้างสถานการณ์ในการเมืองโลก ในบางประเด็น แม้ว่าการข่มขู่ดังกล่าวจะมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้ยากมาก แต่การให้ความสนใจและ มีการพยายามป่วนเล็กน้อยก็ทำให้ เกิดกระแสปั่นป่วนในสังคม จนทำให้ การเมืองต่างชาติหันมาให้ความสนใจกับคนเหล่านี้ เช่นกัน
จริงๆ พวกเขารู้ว่าความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริยไทยนั้นมีอยู่และเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆอย่างช้าๆ แต่การป่วนและก่อเหตุจนเกิดการทำร้ายร่างกายนั้นเป็นธงสำคัญที่พวกเขาพยายามใช้เป็นเครื่องต่อรองในการเมืองโลกเพราะมีการพยายามหาเหตุเพื่อเอาไปใช้ โจมตีด้านสิทธิมนุษยชนในอนาคตเพื่อหาเหตุให้ ผู้คนที่โดนประเด็น ๑๑๒ และ ประเด็นการเมืองในประเทศไทย สามารถหลบหนีไปในประเทศยุโรปได้ อย่างชัดเจน
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด เพราะการหมิ่นสถาบันฯในหลายๆครั้งก็มีเจตนาเพื่อยุยงให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนเช่น การทำร้ายกันและกันในหมู่ประชาชนเป็นต้น
ความขัดแย้งเหล่านั้นจะทำให้ พวกที่คนร้ายที่”ตกค้าง”อยู่ในระบบการยื่นขอลี้ภัยทางการเมือง เป็นไปได้มากขึ้นครับ อีกทั้ง ยุโรปยังใช้เงื่อนไขของความขัดแย้งทางการเมืองและ ปัญหาสิทธิมนุษยชนที่เริ่มต้นจากคนกลุ่มเล็กๆเหล่านี้ เป็นเชื้อประเด็นในการคว่ำบาตรในประเด็นใหญ่ๆ เช่นการต่อต้านสินค้าประมง อีกด้วยครับ
สรุปแล้วทั้งหมด มันเป็นเรื่องของการเมืองต่างประเทศ”ล้วนๆ”มาได้พักใหญ่แล้ว (ข้าพเจ้าเคยบอกไว้แต่แรกแล้วว่าเบื้องหลังการโอบอุ้ม ขบวนการชังชาตินั้น มาจาก ฝรั่งทั้งนั้นแล้วเขาทำกันมานานแล้ว)
การที่นายกรัฐมนตรีไทย ประยุทธ จันทร์โอชา เคลื่อนไหว โดยการไปจับมือกับทางสหรัฐอเมริกา นั้น เชื่อว่าจะสร้างความสัมพันธ์ของสหรัฐไทยให้ดีขึ้น หลังจากที่ประเทศไทยถูกรัฐบาลเก่าของสหรัฐอเมริกาที่สนิทกับนายเอนกแทรกแซงอย่างไม่น่าให้อภัยมาโดยตลอดก็ตาม ส่วนนึงข้าพเจ้าเชื่อว่าเป็นถ่วงดุลองค์กรออิสระของฝรั่งที่กำลังแทรกแซงการเมืองไทยในประเด็นสิทธิมนุษยชนผ่านองค์กรอิสระ อยู่ครับ โดยเฉพาะการที่นายกรัฐมนตรีไทย ตัดสินใจเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยาเรื่องโรฮิงญาอย่างเป็นธรรมทั้งฝ่ายพม่าและโรฮิงญาในรัฐยะไข่ โดยไทยได้ช่วยบริจาคเงินช่วยเหลือ ๒ แสนเหรียญสหรัฐ ในการแก้ปัญหาทั้งพุทธ และมุสลิม ตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ และ รัฐบาลไทยได้ดูแลผู้ลี้ภัยหลายเชื้อชาติที่หนีการสู้รบจากเมียนมาที่อาศัยอยู่ในเขตแดนไทยเป็นเวลากว่า ๓๐ ปี และในปัจจุบันยังมีจำนวนกว่าแสนคนพักพิงอยู่แล้ว
เรื่องนี้ไม่แปลกใจเลยที่ ฝ่ายลัทธิชังชาติ ต่างออกมาดิ้นกันราวโดนน้ำร้อนลวก โดยออกมาโจมตรัฐบาลไทยว่าไม่มีความสามารภทางภาษาอังกฤษที่ดีบ้าง อีกทัง้ยังโจมตีว่าเสนอการแลกเปลี่ยนไทยและสหรัฐนั้นได้ไม่คุ้มเสียบ้าง
เสื้อแดงบางกลุ่มก็ร่างจดหมายเป็นภาษาไทยไปตำหนิ นาย โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เกี่ยวการไปจับมือเผด็จการ คสช.บ้าง นักข่าวผีโม่แป้งฝรั่งก็ออกมาโจมตี ทรัมป์ โดยระบุว่าอดีตรมต.ต่างประเทศสหรัฐฯแสดงความไม่พอใจต่อทรัมป์จนเกิดภาพความไม่เอกภาพของรัฐบาลสหรัฐนั้นเอง
ฝ่ายนักวิชาการไทยที่อยู่ในกลุ่มชังชาติ ชังสถาบันก็รีบออกผลงานโจมตีเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจนเพื่อให้เกิดกระแสเกลียดชังผลงานของรัฐบาลไทยนสายตาชาวโลก ซึ่งแม้ว่าจะไม่ค่อยมีผลมากมายในการเมืองไทยก็ตามแต่ กลับมีผลพอสมควรในการเมืองในสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นฐานใหญ่ของการ”ระดมทุน”นั้นเอง เนื่องจาก เครือข่าย นักวิชาการที่ใหญ่ที่สุดด้าน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังถูกบิดเบือนไปโดยนักวิชการนอกรีดเหล่านี้ เพื่อใช้เป็นแหล่งสร้างองค์ความรู้ปลอมๆเพื่อจุดความขัดแย้งในระยะยาว
เพราะฉะนั้นแล้วในงานเขียนอิงประวัติศาสตร์เหล่านั้น ยังจำเป็นต้องมีการสอดประสานกับการสร้างสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศไทย โดยมีรากฐานมาจากกลุ่มคนกลุ่มเดียวกัน ที่เคลื่อนไหวแบบชงเองกินเองกันอยู่ ครับ
สิ่งที่คนไทยควรปฎิบัติเวลานี้คือการสร้างความสามัคคีอาศัยอยู่ร่วมกันอยู่สันติสุข และช่วยกันแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยความกรุณา ป้องชาติไม่ให้คนออกมายุยงปลุกปั่นได้ ใครแต่งแดงไป “วันถวาย พระเพลิงพระบรมศพ”ที่สนามหลวง เราคนไทยก็แก้ปัญหาด้วยการนำเสื้อดำที่เตรียมไว้เผื่ออีกตัวให้กับเขาด้วยรอยยิ้ม หากเขานำอาหารบูดเน่ามาแจกปชชเพื่อป่วนงานพระราชพิธี เราก็ช่วยกันเอาอาหารปรุงใหม่ให้กับเขาเพื่อทำนสิ่งที่ถูกที่ควร ถ้าคนไทยช่วยกันสอดส่องสิ่งไม่ดีไม่ให้เกิดได้โดยง่ายก็จะทำคนไม่ดียากที่จะก่อการ
แค่นี้พวกเขาก็ปลุกปั่นไม่ใด้แล้ว
การทำแบบนี้ ทางพุทธศาสนาก็คงเปรียบได้เสมือน พญานาคในพุทธประวัติซึ่งเป็นผู้แผ่พังพานป้องมิให้ลมและฝนถูกต้องพระกายพระผู้มีพระภาคเจ้าขณะทรงบำเพ็ญเพียรที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เจ็ดวันเจ็ดคืน
การบำเพ็ญประโยชน์เพื่อชาติปกป้องธรรมมะด้วยความเพียรและเมตตากรุณา เป็นสิ่งที่จำเป็นที่คนไทยพึ่งปฎิบัติ