ปอท.ส่งหมายเรียก “หมวดเจี๊ยบ” รับทราบข้อกล่าวหา คดีที่ 2 พร้อมร่อนจม.ถึง 5 สถานทูต ตรวจสอบบุคคลอ้างมาสังเกตการณ์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้ข้อมูล
19 ธ.ค.60 – รายงานข่าวแจ้งว่าพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันและปราบปราบการกระทำผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี (ปอท.) ได้ ออกหมายเรียกให้ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต หรือ หมวดเจี๊ยบ อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย หลังที่ฝ่ายกฎหมาย คสช. มาทราบข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดี กับ ร.ท.หญิงสุณิสา (คดีที่ 2 ) ในการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี2550 มาตรา 14 (2) ซึ่ง เท่ากับเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 กระทง จากเดิมที่แจ้งไว้ 6 กระทง ในความผิดจตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และมาตรา 116 จากกรณีโพสต์ข้อความ ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ได้นำเสนอบทความ หรือโพสต์ข้อความ อันเป็นความเท็จและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสื่อเรียกให้ ร.ท.หญิง เข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน ปอท. ในวันที่ 20 ธ.ค.60 ในเวลา 09.00 น.
แหล่งข่าวเผยว่านอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำหนังสือ ขอความอนุเคราะห์ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ ผู้ร่วมสังเกตการณ์ ในการรับทราบข้อกล่าวหา ของร.ท.หญิงสุณิสา ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาจากสถานทูตต่างๆ ประกอบด้วย หัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ,เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย , เอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ,เอกอัครราชทูตออสเตเลียประจำประเทศไทย,และ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย
โดยรายละเอียดในหนังสือระบุว่า “เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2560 เวลาประมาณ 10.30 น. ทางร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต มารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันและปราบปราบการกระทำผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย ปรากฏว่า มีผู้อ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูต ของท่าน เข้าร่วมสังเกตการณ์
จึงเรียนมายังท่านเพื่อขอทราบว่า ทางสถานทูตได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมสังเกตการณ์ในกรณีนี้หรือไม่ ซึ่งหากท่านได้ส่งมา ขอความกรุณาแจ้งชื่อ นามสกุล ตำแหน่ง หน้าที่ พร้อมประกอบเหตุผล ในการมาสังเกตการณ์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงาน ดำเนินการในส่วนที่ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย และเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริง จะได้ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น
หากท่านไม่ได้ส่งมา แสดงว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดี แอบอ้างสถานทูตของท่าน เป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิด เกิดผลเสียต่อสังคมและกระบวนการยุติธรรม ของราชอาณาจักรไทย อันจะก่อให้เกิดความสับสนต่ออำนาจ หน้าที่ของสถานทูต จึงขอความร่วมมือมายังท่าน ได้โปรดส่งตัวแทนมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ดำเนินคดีกับผู้กระทำการแอบอ้างดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก”
ขอบคุณ http://www.thaipost.net
