วันเสาร์ 23 พฤศจิกายน 2024
  • :
  • :
Latest Update

มะกันจลาจลต้านขาวขวาจัด ที่ปรึกษา”ทรัมป์”รับไม่ได้ ปธน.ไม่ห้าม”นาซีใหม่”


  • คนเจ็บได้รับการปฐมพยาบาลหลังโดนรถพุ่งชนที่เมืองชาร์ลอตส์วิลล์เมื่อวันเสาร์ ภาพ AFP

    กลุ่มอเมริกันชาตินิยมขวาจัดชุมนุมที่รัฐเวอร์จิเนียเจอผู้ประท้วงฝ่ายเสรีนิยมชุมนุมต่อต้านจนเกิดการปะทะนองเลือดเจ็บระนาวเมื่อวันเสาร์ หนุ่มขวาจัดวัย 20 ขับเก๋งพุ่งชนม็อบต้านดับ 1 เจ็บ 19 รีพับลิกันตำหนิ “โดนัลด์ ทรัมป์” ไม่ประณามพวกคลั่งผิวขาว ขณะอดีตหัวขบวนเคเคเคทวงบุญคุณช่วยทรัมป์นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี

    สถานการณ์รุนแรงที่เมืองชาร์ลอตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2560 ทำให้เทอร์รี แม็กออลิฟฟ์ ผู้ว่าการรัฐ ประกาศภาวะฉุกเฉิน ก่อนหน้าที่เหตุการณ์จะบานปลายเมื่อชายคนหนึ่งขับรถยนต์เก๋งพุ่งเข้าใส่ฝูงชน ที่ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวกันว่าเป็นพวกผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้าน ส่งผลให้สตรีคนหนึ่งเสียชีวิต และมีคนบาดเจ็บอีก 19 คน บางคนอาการสาหัส

    สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สำนักงานตำรวจสอบสวนกลางของสหรัฐ (เอฟบีไอ) และอัยการของรัฐบาลกลางได้เปิดการสอบสวนสภาพแวดล้อมของเหตุการณ์นี้เป็นคดีสิทธิพลเมือง

    เจ้าหน้าที่ได้จับกุมชายหนุ่มวัย 20 ปี จากรัฐโอไฮโอ ชื่อ เจมส์ อเล็กซ์ ฟีลด์ส จูเนียร์ และตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และชนแล้วหนี

    นอกเหนือจากการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์รถชนแล้ว อัล ธอมัส ผู้บังคับการตำรวจชาร์ลอตส์วิลล์ เปิดเผยด้วยว่า เหตุการณ์รุนแรงระหว่างการชุมนุม รวมถึงการทะเลาะวิวาทกัน ยังทำให้มีคนบาดเจ็บอีก 16 คน และมีคนถูกจับกุมและตั้งข้อหา 3 ราย

    วันเดียวกันนั้น ยังเกิดเหตุสลดซ้ำด้วยเมื่อเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจที่ปฏิบัติภารกิจในวันนั้นประสบเหตุตกใกล้กับสถานที่ชุมนุม ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 2 ราย

    ชนวนเหตุของความรุนแรงเมื่อวันเสาร์เกิดจากการนัดชุมนุมของกลุ่มอเมริกันชาตินิยมคลั่งลัทธิคนขาวเป็นใหญ่ ที่ทำให้ฝ่ายคัดค้านนับพันคนออกมาชุมนุมต่อต้าน และเกิดความวุ่นวายขึ้น ถึงแม้จะมีตำรวจปราบจลาจลและกองกำลังเนชันแนลการ์ดถูกระดมมารักษาความสงบแล้วก็ตาม

    พวกนิยมขาวขวาจัด ซึ่งบางคนสวมหมวกที่มีข้อความ “ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง” ที่เป็นคำขวัญหาเสียงของทรัมป์ และบางคนมีอุปกรณ์ปราบจลาจลเช่นโล่และกระบอง เผชิญหน้ากับผู้ประท้วงต่อต้านพวกเขา ทั้งสองฝ่ายขว้างปาสิ่งของใส่กัน ก่อนที่ตำรวจจะเข้าคั่นกลางระหว่าง 2 ฝ่าย ตำรวจของรัฐต้องใช้แก๊สน้ำตาระงับเหตุด้วยภายหลังผู้ประท้วงรายหนึ่งโดนไม้และท่อนเหล็กรุมตีเลือดอาบ

    ฝ่ายขวาจัดหลายคนโบกธงของฝ่ายสมาพันธรัฐ ที่คนอเมริกันจำนวนมากถือเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิเหยียดสีผิว บางคนได้ยกมือทำท่าเคารพแบบนาซีด้วย

    หลังเหตุการณ์ ประธานาธิบดีทรัมป์แถลงที่กอล์ฟคลับของเขาที่เมืองเบดมินสเตอร์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประณามการแสดงออกอย่างชั่วร้ายถึงความเกลียดชัง ความถือทิฐิ และความรุนแรง จากหลายๆ ฝ่าย แต่ทรัมป์ไม่ได้กล่าวประณามพวกคนขาวชาตินิยมและกลุ่มคลั่งลัทธิคนขาวเป็นใหญ่ ที่เป็นฐานเสียงสนับสนุนเขาในการเลือกตั้งปีที่แล้ว

    เดวิด ดุค อดีต “พ่อมดใหญ่” ของคลูคลักซ์แคลน ที่เป็นแกนนำการชุมนุมครั้งนี้ กระตุ้นเตือนทรัมป์ว่าควรจดจำไว้ว่าคนอเมริกันผิวขาวคือคนที่ทำให้เขาได้เป็นประธานาธิบดี ไม่ใช่พวกซ้ายจัด

    ท่าทีวางเฉยของทรัมป์ทำให้สมาชิกร่วมพรรครีพับลิกันหลายคนออกมาตำหนิเขาอย่างตรงไปตรงมา ส.ว.เท็ด ครูซ เรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมสอบสวนและดำเนินคดีนี้เป็น “การก่อการร้ายภายในประเทศ” ส่วน ส.ว.มาร์โก รูบิโอ เตือนว่า เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับอเมริกาที่ประธานาธิบดีต้องบรรยายถึงเหตุการณ์ที่ชาร์ลอตส์วิลล์ว่าคือการก่อการร้ายโดยพวกนิยมลัทธิคนขาวเป็นใหญ่.


    ผู้บริหาร 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ชักแถวถอนตัวออกจากคณะที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐ รับไม่ได้ “โดนัลด์ ทรัมป์” ไม่ประณามการชุมนุมของพวกชาตินิยมขวาจัดนิยมคนขาวเป็นใหญ่ที่ชาร์ลอตส์วิลล์ ทรัมป์ปากดีด่าไล่หลังซีอีโอเมอร์ค ก่อนกลับลำยอมตำหนิพวกเหยียดผิว-นาซีใหม่

    เอเอฟพีรายงานว่า ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เมอร์ค, อินเทล และอันเดอร์อาร์เมอร์ เป็นผู้บริหารธุรกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐรายล่าสุดที่ถอนตัวออกจากทีมงานที่ปรึกษาของทรัมป์ การประกาศลาออกของทั้งสามเมื่อวันจันทร์เกิดขึ้นสืบเนื่องจากเหตุการณ์รุนแรงระหว่างการชุมนุมของกลุ่มขวาจัดและกลุ่มนิยมคนขาวเป็นใหญ่ ที่เมืองชาร์ลอตส์วิลล์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนเกิดการปะทะกับผู้ประท้วงต่อต้าน และจบลงด้วยเหตุนองเลือดเมื่อหนุ่มนิยมนาซีใหม่วัย 20 ปีจากรัฐโอไฮโอ ขับรถพุ่งชนกลุ่มประท้วง ฆ่าสตรีคนหนึ่งและทำให้บาดเจ็บ 19 คน

    เบื้องแรกนั้น ทรัมป์ไม่ได้กล่าวประณามฝ่ายใดเป็นการเฉพาะเจาะจง แถลงการณ์ของทรัมป์กล่าวโทษ “หลายฝ่าย” ที่ก่อเหตุรุนแรงเมื่อวันเสาร์ ท่าทีของทรัมป์ ซึ่งอาศัยฐานเสียงชาวอเมริกันผิวขาวชาตินิยม รวมถึงกลุ่มขวาจัดคลั่งคติคนขาวเหนือกว่าเชื้อชาติอื่น จนช่วยให้ชนะเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว ทำให้เขาถูกวิจารณ์แม้กระทั่งจากสมาชิกร่วมพรรครีพับลิกันเอง

    เคนเนธ เฟรเซียร์ ซีอีโอเมอร์ค ซึ่งเป็นแอฟริกันอเมริกัน ตำหนิทรัมป์ผ่านการประกาศข่าวการลาออกของเขาทางทวิตเตอร์เมื่อวันจันทร์ ผู้นำอเมริกาต้องเคารพค่านิยมพื้นฐานของสหรัฐ ด้วยการคัดค้านการแสดงความเกลียดชัง, ทิฐิ และการยกกลุ่มตนเหนือกว่าคนอื่น ซึ่งขัดแย้งกับอุดมคติของอเมริกาที่ว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน

    ทรัมป์ตอบโต้เฟรเซียร์ทันทีทันควันผ่านทวิตเตอร์ว่า ซีอีโอของบริษัทยายักษ์ใหญ่รายนี้ลาออกจากคณะที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมของประธานาธิบดี เพื่อจะได้มีเวลาไปลดราคายา และนำการจ้างงานกลับคืนคนอเมริกัน

    หลายชั่วโมงจากนั้น เควิน แพลงก์ ซีอีโอของอันเดอร์อาร์เมอร์ บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬา ได้ประกาศลาออกตาม เช่นเดียวกับไบรอัน ครซานิช ซีอีโอของอินเทล ทั้งคู่อ้างถึงเหตุการณ์ที่ชาร์ลอตส์วิลล์

    ต่อมา ทรัมป์ได้แถลงทางโทรทัศน์เปลี่ยนท่าที โดยกล่าวประณามการเหยียดสีผิวว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย และเจาะจงตำหนิกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังเหตุรุนแรงครั้งนั้นว่าเป็นอาชญากรและอันธพาล อาทิ กลุ่มคูคลักซ์แคลน, นาซีใหม่, กลุ่มนิยมคนขาวเป็นใหญ่.