หลังจากการติดตามมา ตั้งแต่ วันที่ ๒๕ สิงหาคม ล่าสุดก็ดูเหมือนว่าจะมีเบาะแสเพิ่มเติมไม่นานมานี้ เนื่องจากปรากฎ ภาพวงจรปิดที่ โรงแรมเอสซี ปาร์ค ย่านเรียบด่วน-ห้วยขวาง ได้
บันทึกช่วงเหตุการณ์ก่อนหายไปของ นางปูและคนสนิทหลายคนด้วยกัน เช่น นายพิชิต ชื่นบาน, “ผู้กำกับหนุ่ย” พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย,นายวิม รุ่งวัฒนจินดา,นางเนตรนภา วรรณชัย, น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์

เรื่องนี้ทำให้ แนวโน้มการเดินทางหลบหนีคดี“ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่จนเกิดความเสียหายในนโยบายจำนำข้าว” ค่อนข้างชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการพยายาม จัดฉากหนักแน่นถึงการหลอกศาลยุติธรรมในวันที่ ๒๕ สิงหาคมที่ผ่านมา

ประเด็นใหม่ๆ ผุดขึ้นมาอย่างชัดเจนเมื่่อหนึ่งในบุคคลเช่น “ผู้กำกับหนุ่ย” กลับไปปรากฏอยู่ในกล้อง คำถามจึงผุดขึ้นมาคือ พวกเขา”รู้เห็นกันหรือไม่?”

จากคำพูดของ “พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท” น่าจะทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า การทำงานของเครือข่ายผู้พิทักษ์ปูที่ฝังตัวอยู่ในระบบราชการนั้นยังมีประสิทธิภาพ แม้ว่าขั้นต้น จะยังไม่สามารถยืนยัน “ผู้กำกับหนุ่ย”จะไปสมรู้ร่วมคิดหรือไม่ แต่ในทางการข่าวกระแสรอง ก็ยิ่งสนับสนุนแนวคิดที่ว่า ยิ่งลักษณ์ยังไม่ได้หลบหนีไปต่างประเทศ แต่ยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย

แม้ว่าปัจจุบัน การหายตัวไปของ นางปูไม่มีใครยืนยันได้จริงๆว่า ถ้าอยู่ในต่างประเทศ จะอาศัยอยู่ในประเทศใดกันแน่ และ ถ้าอาศัยอยู่ในประเทศไทยนั้นจะอยู่ที่ใด … ข้าพเจ้าว่า คลิปจากโรงแรมเอสซี ปาร์ค จะกลายเป็นหลักฐานสำคัญเชื่อมโยงบุคคล

ตัวแปลสำคัญก็มีอยู่สองคนก็คือ “ผู้กำกับหนุ่ย”และ “น้องไปป์” ที่ยังอยู่ในประเทศไทยนั้นเอง เรื่องนี้จึงทำให้ง่ายขึ้น

เรื่องนี้ จุดสำคัญที่รัฐบาล คสช.ที่ประชาชนออย่างเราๆอยากให้ทำกันจริงๆ ก็คือการประสานงานไปยังประเทศปลายทางสำคัญหลายประเทศในการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนหากพบเห็น นางปูเข้าออกพรมแดนของตน เนื่องจากเป็นคดีอาญาที่มีกฏหมายสากลรองรับชัดเจน

แต่แน่นอนว่าเรื่องราวต่างๆอาจจะต้องมีกลไกของเวลามาเกี่ยวข้อง การทำงานของรัฐบาล คสช. และ กระทรวงการต่างประเทศอาจจะต้องแข่งกับเวลา เช่นกัน

แนวโน้มเครือข่ายแดง ยังคงวุ่นวายกับการแก้ข่าว การหนีหายของ ยิ่งลักษณ์ เพื่อกอบกู้แนวร่วมคนเสื้อแดงที่ รู้สึกเหมือนโดนหักหลังไปตั้งแต่ วันที่๒๕

เครือข่ายแดงแต่ละกลุ่มทั้งบนดินและใต้ดิน ก็แย่งกันตีประเด็นข่าวการหลบหนีของยิ่งลักษณ์กันคนละทิศคนละทาง เช่น กลุ่มแดงใต้ดิน เปิดฉากใส่ใข่ การหนีของยิ่งลักษณ์ว่า รัฐบาลคสช.อยู่เบื้องหลังการหลบหนี …เครือข่ายแดงบางกลุ่ม มีการปล่อยข่าวลือเป็นภาพ ของนางปูในสภาพแต่งตัวดีนั่งในรถสองเเถวและหัวมายิ้มให้กล้อง พร้อมบรรยายภาพว่าเป็นภาพสุดท้ายก่อนออกเดินทางออกไปต่างประเทศ ซึ่งภาพดังกล่าวก็เชื่อว่าเป็นภาพเก่าสมัยหาเสียงในพื้นที่อีสาน

บางกระแสข่าวลือในกลุ่มโซเชียลเน็ตเวิร์กของคนชื่นชอบปู ก็ยังมีการโพสภาพว่า นางปูได้เดินทางไปยังนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพเก่าตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ อีกเช่นกัน

ยังแก้ตัวอีกหลายประเด็นที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เช่นกล่าวว่า นางปูไม่ได้หนีกฏหมายหรือคำพิพากษาของศาลแต่เธอหนีเผด็จการทหารเป็นต้น ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้ว เรื่องราวต่างๆ ที่ยิ่งลักษณ์ประสบนั้น เป็นการตัดสินตามกฏหมายแผ่นดินทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ข่าวทั้งหมดที่กล่าวออกมาขั้นต้นนี้ ล้วนเป็นกระแสข่าวลวง เพื่อทำให้คนเข้าใจคลาดเคลื่อนไปนั้นเอง

ล่าสุดกลุ่มคนเสื้อแดงจากฝั่งลาว เช่น นาย สุรชัย แซ่ด่าน มีการพยายาม ปฎิเสธแบบน้ำขุ่นๆ ว่า “นายใหญ่” ไม่ได้มีความต้องการให้ ยิ่งลักษณ์ เป็น”นางอองซานซูจี” โดยยอมติดคุกในคดีทุจริต มาตั้งแต่ต้น แต่เป็นเพียงการถอยมาตั้งหลักเท่านั้น ซึ่งขัดกับท่าทีของ นาย จอม เพชรประดับ และเครือข่ายแดงในประเทศไทย และต่างประเทศบางกลุ่มกลับมองว่า การเคลื่อนไหวของยิ่งลักษณ์ นั้นเป็นการเคลื่อนไหว เชิงสัญลักณ์คล้ายกับ”นางอองซานซูจี”มาตั้งแต่ต้น การหลบหนีออกมานอกประเทศจึงทำให้ แนวทางของขบวนการดูเสียสูญอย่างสาหัส

กลไกความคิดของคนเสื้อแดงที่ปฏิเสธแบบกลับหลังหันเช่นนี้ ยิ่งทำให้เห็นว่าแนวทางการเคลื่อนไหวของขบวนการเสื้อแดงยังมีความสับสนอยู่มาก ขาดทิศทางที่ชัดเจน อีกทั้งกลื่นน้ำลายทั้งหมดที่เคยกล่าวว่า ทั้งหมดนั้นต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่แท้จริง ต่อสู้เพื่อ “ชินวัตร” ทั้งนั้น…

การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่ อ่อนแอด้านคุณธรรมและ ความซื่อสัตย์ต่อฝ่ายเดียวกัน เช่นประเด็น บุญทรง และ สุรนันท์ ยิง่ทำให้ แนวทางการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ยังไปคนละทิศคนละทาง และยิ่งทำให้เกิด กระแส คลื่นใต้น้ำ ที่กำลัง”ไม่พอใจ”ต่อการเคลื่อนไหว แบบ”หักหลังคนเสื้อแดง” โดยเฉพาะ ฝ่าย”เสรีชน-ต่อต้านสถาบันฯ” ที่รู้สึกว่าการที่ “นายใหญ่” ยัง”ไม่ก้าวข้าม” ในช่วงเวลาที่หลบหนีออกมาจากประเทศไทยแบบนี้ ดูเหมือนว่า มันจะกลายเป็นการหักหลังพวกเดียวกันนั้นเอง และคนที่ถูกหลอกอีกครั้งก็คือคนเสื้อแดง