ว่าด้วยเรื่องปิยบุตร – ปราชญ์ สามสี 3 เมษายน 2562
คำเตือน… เนื้อหาในบทความนี้อาจข้อความที่ไม่เหมาะสมต่อเด็กๆและเยาวชน ขอให้ใช้วิจารญานในการอ่านนะครับ ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำ
ว่าด้วยเรื่องของ ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตสมาชิกนิติราษฎร์ ที่ออกมาเต้นแร้งเต้นกา ในช่วงวันสองวันนี้ หลังโดน ดาราสาว อุ๊ หฤทัย อัดผ่านเฟสบุ๊ก เพราะเป็นห่วงชาติบ้านเมือง หลังพบคลิปเก่า เรื่องพฤติกรรมในอดีตของ ปิยบุตร แสงกนกกุล นักการเมืองรุ่นใหม่ หนึ่งใน ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ที่เคยมีพฤติกรรมจาบจ้วงรุนแรงกับในหลวง ร.9 ในอดีต
ล่าสุดนาย ปิยบุตร แสงกนกกุล ได้ออกมา อ้างว่า
“คลิปที่มีการเผยแพร่เป็นคลิปเก่าเมื่อปี 2556 คลิปนั้นเป็นการเสวนาด้านวิชาการ การปรับตัวของพระมหากษัตริย์ต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทย”
อ้างอิง http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/831335
ทำไม ดาราสาว อุ๊ หฤทัยถึงต้อง อารมณ์ขึ้น แล้วทำไม ปิยบุตร ถึงออกมา ทำเป็นไม่รู้เห็น เรื่องนี้ข้าพเจ้าจะมาขยายข่าวให้ฟังกันนะครับ
***ก่อนอื่น เรื่องนี้ท่านผู้อ่านจะต้องแยกแยะ ดีๆ นะครับว่า ทั้งหมดนี้มันไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมือง เพราะ พรรคการเมืองเป็นเรื่องของคนหมู่มากและมติพรรค …แต่เรื่องนี้เราต้องจับจ้องไปที่ ตัวตนของ นาย ปิยบุตร ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความประพฤติที่มีความน่าเป็นห่วงอย่างมากกับแผ่นดินนี้
“พฤติกรรมอันไม่น่าให้อภัย”ที่ถูกพูดถึงโดยดาราสาว อุ๊ หฤทัย ถูกพบขึ้นนั้น คลิปดังกล่าวอยู่ในเว็บไซต์ยูทูป มาตั้งแต่ปี 2556 โดยเป็นภาพกิจกรรมที่ เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนตั้งแต่ ช่วงปี พ.ศ. 2556 เมื่อตอนที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช ยังมีพระชนม์ชีพ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และพรรคพวกนักเคลื่อนไหวกลุ่ม นิติราษฎร ได้ ออกมาจัดเสวนา ม.112 ในหัวข้อ” การเมือง ความยุติธรรม สถาบันกษัตริย์ ” พร้อมถ่ายทอดสดออกสู่สารธารณะ ออกทางเว็บไซต์ยูทูป ช่อง การเมืองแห่งหนึ่ง โดยที่ผู้ชมไม่ใช่นักเรียนนักศึกษาของสถาบันใดสถาบันหนึ่งชัดเจน แต่เป็นกลุ่มประชาชนที่สนใจในคดี ประเด็น “แก้ไข ม.112”
อ้างอิง
https://prachatai.com/journal/2013/02/45345
กิจกรรมดังกล่าวถูกจัดขึ้นเป็นการประท้วง เนื่องจาก นาย สมยศ พฤกษาเกษมสุข..หนึ่งในสมาชิก “แดงซ้ายจัด” ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวครั้งที่ 14 จากคดีฐานความผิด “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ “ตามประมวลกฏหมาย มาตรา 112 จาก กรณีที่ต้องรับผิดชอบ ต่อการเผยแพร่บทความหมิ่นสถาบันฯในหนังสือ Voice of Taksin ซึ่งนาย สมยศ พฤกษาเกษมสุขเป็นบรรณธิการอยู่ในตอนนั้น และ กรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่คณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112)เสนอแก้ไขกฎหมายหมิ่นกษัตริย์ฯตามข้อเสนอคณะนิติราษฎร์ แต่ถูก “รัฐสภาปัดตก ร่างพรบ.ฉบับแก้ไข ม.112” ซึ่งเป็นเรื่องเกิดขึ้นช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งขณะนั้นเป็นยุคของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐบาล
อ้างอิง https://ilaw.or.th/node/1854
ในงานดังกล่าว มีการสื่อสารพาดพิงและแสดงความไม่พอใจต่อ.ศาลสถิตยุติธรรม คณะตุลาการ รวมไปถึงการพยายามโจมตี สถานะ ฐานันดรของสถาบันพระมหากษัตริย์
แต่ถึงแม้การเสวนาดังกล่าว จะไม่มีการเอ่ยชื่อประเทศไทย ใดๆชัดเจน และมีการอวดอ้างเหตุการณ์ ทางประวัติศาสตร์ อย่างการปฎิวัติฝรั่งเศสปี พ.ศ. 2332 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไปสู่ระบอบ สาธารณรัฐฝรั่งเศส
แต่ ได้มีโอกาส สดับรับฟังแล้ว ก็จะสามารถทำให้เข้าใจได้ว่า ..สถานะ ฐานันดรของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เขาได้กล่าวนั้นเป็นการพาดพิงประเทศไทย จากการกล่าวหาโจมตี “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” ซึ่งเป็นระบอบการปกครองของไทยในปัจจุบัน (ส่วนฝรั่งเศสในปัจจุบันคือ สาธารณรัฐ)
ผู้ชมก็ไม่ใช่นักเรียน …
ประเด็นก็มีการผูกเรื่องไว้กับเรื่องของการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญของนักโทษในคดีหมิ่นประมาท พระเจ้าแผ่นดิน และพาดพิงโจมตี “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” อันเป็นระบอบการเมืองของไทยอย่างแท้ๆ
ดังนั้น
การที่นาย ปิยบุตร แสงกนกกุล ได้ออกมา อ้างว่า
“คลิปที่มีการเผยแพร่เป็นคลิปเก่าเมื่อปี 2556 คลิปนั้นเป็นการเสวนาด้านวิชาการ การปรับตัวของพระมหากษัตริย์ต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทย”
จึงเป็นเรื่อง เหลวไหลสิ้นดี
อ้างอิง http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/831335
https://www.facebook.com/…/a.22603897809…/2362932870657249/…
วาทะกรรมที่เลวร้ายของ ปิยบุตร ใช้โจมตี “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” ถูกหยิบยก มาจาก ประวัติศาสตร์ส่วนเสี้ยวของ การปฎิวัติฝรั่งเศส พ.ศ. 2332 (ค.ศ. 1789) อย่างไม่น่าให้อภัย
โดยในประวัติศาสตร์การปฎิวัติฝรั่งเศส พ.ศ. 2332 เวลานั้นนาย มากซีมีเลียง รอแบสปีแยร์ (Maximilien Robespierre,)ผู้นำกลุ่มฌากอแบ็ง อันเป็นกระบอกเสียงให้แก่คนยากจน ได้กระทำการกล่าวหา กษัตริย์ฝรั่งเศสว่าเป็นคนฉ้อฉลและร่ำรวยแต่ไม่สนใจปากท้องของประชาชน แม้ว่า นาย มากซีมีเลียง รอแบสปีแยร์ เป็นแกนนำผู้คัดค้านโทษประหารชีวิต แต่ในกรณีของการ ปฎิวัติฝรั่งเศส เมื่อ นาย มากซีมีเลียง รอแบสปีแยร์ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้สำเร็จ เขาได้ชักนำผู้คนโค่นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของราชวงศ์บูรบงค์ โดยจับพระเจ้าหลุยที่16, ราชินี เจ้าฟ้าอีกหลายคน รวมทั้งพระสงฆ์จากศาสนจักร และสมาชิกในสภาฐานันดร มาประหารด้วยการตัดหัวที่เครื่องกิโยตินต่อหน้าสาธารณชน และเปลี่ยนประเทศไปสู่ ระบอบสาธารณรัฐ … ในภายหลังการปฎิวัติ มีการ ตั้ง สภากงว็องซียงแห่งชาติ(คณะปกครอง)ตั้งศาลปฏิวัติ (Revolutionary Tribunal) อีกทั้ง ประกาศ Law of Suspects ซึ่งเป็นกฏหมายเผด็จการ สามารถจับผู้ต้องสงสัยที่มีแนวโน้มต่อต้านสาธารณรัฐมาตัดสินประหารชีวิต และออกกฏหมายให้เลิกนับถือคริสต์ศาสนา เลิกใช้คริสต์ศักราช แต่ใช้ศักราชปฏิวัติ นับปี ค.ศ. 1793 เป็นปีที่ 1 และก่อตั้งลัทธิใหม่โดยใช้ชื่อว่า ลัทธิแห่งเหตุผล (Cult to Reason) นับถือเทพธิดาแห่งเหตุผล (ถ้าเป็นยุคปัจจุบันอาจหมายถึง วิทยาศาสตร์) ในทางประวัติศาสตร์แล้ว เรียกช่วงเวลาที่รอแบ็สปีแยร์อยู่ในตำแหน่งว่า สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว (Reign of Terror )ศัตรูจึงขนานนามเขาว่า ดิกตาเตอร์ซ็องกีแนร์ หรือเผด็จการกระหายเลือด
….
และหากพูดถึงนาย มากซีมีเลียง รอแบสปีแยร์ แล้วก็ต้องพูดถึงสหายคนสนิทอย่าง นาย หลุยส์ อ็องตวน เดอ แซ็ง-ฌุสต์ผู้อ่อนเยาว์ เขาเป็นตัวอย่างพลังวัยรุ่นในการปฎิวัติฝรั่งเศสเคียงข้าง นาย มากซีมีเลียง รอแบสปีแยร์
ตามประวัติศาสตร์ แล้ว นาย หลุยส์ อ็องตวน เดอ แซ็ง-ฌุสต์แม้อายุน้อยแต่ก็ทรงพลัง เขาเป็นแกนนำการเรียกร้องให้ประหารชีวิตพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และเป็นหนึ่งในผู้ร่างรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสฉบับสุดโต่งและพิศดารปี พ.ศ. 2336 (ค.ศ. 1793) ซึ่งเป็นช่วงหลังปฎิวัติฝรั่งเศส… แซ็ง-ฌุสต์เป็นบุคคลสำคัญที่คอยค้ำจุนอำนาจทางการเมืองรอแบ็สปีแยร์ ระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งในรัฐบาล เขาใช้วิธีการข่มขู่ คุกคาม และกำจัดฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้ความปรานีจนได้รับฉายาว่า “เทวทูตแห่งความตาย”
จุดจบ เผด็จการจาก ปฎิวัติฝรั่งเศส ปีพ.ศ. 2337 ( ค.ศ. 1794) สมาชิกสภากงว็องซียงซึ่งร่วมมือกับกองทัพ ได้ประกาศให้รอแบ็สปีแยร์นั้นเป็น “เผด็จการทรราชย์” โรแบสปิแยร์ และพรรคพวกอีก 21 คนซึ่งรวมถึง หลุยส์ แซ็ง-ฌุสต์ ถูกจับกุมในคืนนั้นเขาถูกตัดคอด้วยกิโยตินในวันที่ 28 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1794
หากต้องการอ่านรายละเอียดแนวคิด การปฎิวัติฝรั่งเศสอันเป็นต้นแบบของการก่อการของคณะราษฎรแล้ว โปรดอ่านตามลิ้งค์นี้o
ทั้งนี้ ปิยบุตร ได้ นำวาทะกรรมที่ของ นาย หลุยส์ อ็องตวน เดอ แซ็ง-ฌุสต์ ที่เคยอภิปรายเอาไว้เกี่ยวกับการพิจารณาคดี พระเจ้าหลุยที่ 16 ช่วงปฎิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยระบุว่า
“คุณไม่ต้องไปดูหรอกว่า พระมหากษัตริย์นั้นเขาจะเป็นคนดี หรือคนเลว เขาจะทำงานดีหรือเขาจะทำงานไม่ดี โดยสภาพการของสถาบันพระมหากษัตริย์ มันเป็น ทรราชย์ ในตัวมันเอง”
เอามาเทียบเคียง ระบอบกับเมืองไทยในปัจจุบัน ที่ไม่ได้เป็นแม้แต่สาธารณรัฐ หรือ สมบูรณาญาสิทธิราชย์
ยิ่งทำให้ผู้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับ ฐานันดรของพระมหากษัตริย์อาจนำไปสู่เรื่องร้ายแรงในอนาคตได้
ก็ไม่แปลกใจที่ คุณ อุ๊ หฤทัย จะออกมาเป็นห่วงเป็นใยบ้านเมืองเมื่อได้ทราบถึงทัศนคติของ ปิยบุตร ที่กระทบโดยตรงกับสถาบันเบื้องสูงของไทยโดย เฉพาะ รัชกาลที่9
…………………….
ข้าพเจ้าเห็นว่าการสื่อสารของปิยบุตรในอดีต สร้างความร้าวฉานให้ประเทศมากแล้ว โดยเฉพาะการพูดที่สร้างความเข้าใจผิดต่อ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” แล้วแปลงเปลี่ยนความเข้าใจผิดกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชน และนำไปสู่ความรุนแรง
ถึงเวลาหรือยังที่คนที่ยุยงปั่นแบบนี่ควรจะถูกจำกัดอำนาจไม่ให้ออกมายุยงปลุกปั้นให้เกิดความขัดแย้งใดๆอีกได้
บ้านเมืองของเราจะได้ สงบ เสียที
ข้าพเจ้าเป็นห่วงเหลือเกิน