แม้ว่าการเลือกตั้งจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความวุ่นวาย ภายในบ้านเมืองจะยังคงเกิดขึ้น อย่างต่อเนื่อง จากปรากฏกการณ์ที่ เจ้าหน้าที่ทูตจาก ประเทศต่างๆ โพล่ไปเฝ้าสังเกตการณ์ คดี ต่างๆที่เกิดขึ้น กับปิยบุตรและธนาธร อันเกี่ยวข้องกับเรื่องสถาบันฯ และ เรื่องของความเกี่ยวข้องกับนักเคลื่อนไหวที่เชื่อมโยงกับกลุ่มฝ่ายซ้ายในอดีต ก็ย่อมบ่งบอกถึง เนื้อแท้ของเหตุการณ์เป็นอย่างนี้
ประเด็น วันนี้ มันไม่ใช่เรื่องการเมือง หรือการเลือกตั้งภายในประเทศแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของ “ภัยร้ายที่ซ่อนตัว มากับการเมืองในเวลานี้ ”
บ้านเมืองของเราคือ ราชอาณาจักร ซึ่งปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เรื่องนี้ ใครๆก็ทราบดี … แต่ที่น่าห่วงเวลานี้คือการพยายาม กล่าวเท็จหลายอย่าง ที่เกิดขึ้นมา ตั้งแต่ เกือบ สิบปี ก่อน ก็เริ่มเห็นผลกันแล้วในยุคนี้ ข้อมูลเท็จด้านประวัติศาสตร์ และ การเมืองที่พยายามเสียดแทงการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข นั้นเริ่มขยับขับเคลื่อนออกมาชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการพยายามบิดเบือน ด้วยการ สร้างวาทะกรรม “ การสร้างประชาธิปไตยให้สมบูรณ์” แต่ความเป็นจริงเป็นการ พยายาม “ล้มล้าง การปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขด้วยการ. ด้วยการปลุกปั่นให้เอา ”สถาบันหลักของชาติ” ออกไป เหลือแต่ส่วนด้วนๆ ที่เอื้อให้ นักการเมือง ทำได้ตามใจโดยไม่มีใครถ่วงดุลอำนาจได้
และเรื่องนี้ ก็ยังเกิดขึ้นใต้ร่มเงาของ คนกลุ่มเดิมๆ ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งเกือบสิบปีก่อน ทั้ง กลุ่มเยาวชนบางกลุ่มที่มีตาเฒ่าเจ้าเล่ย์บางคนหนุนหลัง องค์กรสิทธิมนุษยชนจากทุนต่างประเทศ อาจารย์ในบางสถาบันการศึกษาที่มีประวัติปูมหลังเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเยื่อมโยง องค์กรต่างประเทศ รวมไปถึง นักการเมืองและนายทุนบางคน ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งสิบปีก่อน ก็กลับมาเป็นมดงานส่วนสำคัญในความขัดแย้งครั้งนี้
เรื่องเหล่านี้กำลังเวียนวนกลับมา อีกครั้ง ด้วยธีมใหม่ คือการยุยงให้เกิดความไพอใจระหว่าง เด็กและผู้ใหญ่ …เป็นความขัดแย้งระหว่าง คน ต่าง วัย …ซึ่งหากเรา ย้อนกลับไป ดูการเมืองทั่วโลก ก็จะพบว่า มีการก่อตัวของกลุ่มการเมืองในมหาวิทยาลัย เกิดขึ้นทั่วโลก และ มีแนวทางที่คล้ายคลึงกัน สอดผสานกัน
ลองจินตนาการกลับไปช่วงหลายปีก่อน การที่ เด็กระดับ 20ต้นๆ อย่างโจชัว หว่อง กับมูลนิธิ แอมเนสตี้ และมูลนิธิฟรีด้อมเฮ้าส์ ของ โซรอส ออกมากดดันทางการเมืองฮ่องกง ในม๊อบ “ปฎิวัติร่ม” ตีชิ่ง ใส่จีนแผ่นดินใหญ่ แล้วลอง ดูต่อมาว่าพวกเขาทำอะไร? โจชัว หว่อง กับพวกพ้องนักศึกษา ตั้งพรรค ชื่อ เดโม ซิสโต ต่อต้านรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ จนสุดท้าย โจชัว หว่อง ก็ถูกจับเพราะยุยงปลุกปั่นผู้คนต่อต้านรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่
ไอ้ความน่าสนใจ คือ กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ อย่าง สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์(จ่านิว) รังสิมันต์ โรม พริษฐ์ ชิวารักษ์(เพนกวิน )
และ เนติวิทย์ กลับออกไป ประท้วงหน้าสถานทูตจีนแผ่นดินใหญ่ หลายๆครั้ง ทั้ง เรื่องการเลือกตั้งของฮ่องกง และ เรียกร้องให้โจชัวหว่องเข้าไทยมางานเสวนาเกี่ยวกับประชาธิปไตยในประเทศไทย เห็นไหมว่า มันมีจุด ความเกี่ยวโยงกันหลายๆจุด จนสามารถบ่งชี้ได้ว่า มันไม่ใช่เรื่องการแสดงออกทางการเมืองภายในประเทศใดๆเลย … แต่ นี่คือตัวอย่างของความขัดแย้งในระดับ Global WARFARE โดยใช้ เยาวชน สื่อมวลชน(ออนไลน์) และองค์กรอิสระ เป็นเครื่องมือ ในการต่อกรกับรัฐบาลประเทศต่างๆ
วกเขาเปลี่ยน โรงเรียน เป็น Barrack สร้างสายพานการผลิตเยาวชนออกมาเคลื่อนไหว พวกเขาใช้การสื่อสาร จำพวกสื่อบันเทิงเป็นส่วนหนึ่งของการปลุกระดม
ต่อต้าน รัฐบาลประเทศนั้นๆ ซึ่งเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมาแล้วในหลายประเทศ
จึงไม่ต้องแปลกใจหรอกที่ ทำไม เรื่อง “ประเทศกูมี” ที่เป็นค่อนข้างซับซ้อนทางประวัติศาสตร์ ถึงไปโพล่ Netflix ได้ ทั้งๆที่ ฝรั่งมะกันค่อนประเทศเขา ยังไม่รู้เรื่อง เลยว่าประเทศสยาม อยู่ตรงไหนของแผนที่
มันค่อนข้างจะแยกยากระหว่าง สิ่งบันเทิงกับ สิ่งปลุกระดม เพราะมันคลุกเคล้ามาอย่างกลมกล่อม ขนาดข้าพเจ้าเองได้ฟ้งได้ดูยังต้องชื่นชมถึงความแนบเนียนในเนื้อหา ทั้งๆที่เราก็สามารถรับรู้ได้ว่ามันไม่จริง … แต่สำหรับเด็กๆ แล้ว นี่ถือเป็นการ ชี้นำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ต่างๆอย่างชัดเจน
Netflix กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารทางการเมืองถือกลุ่มวัยรุ่นผ่านภาพยนตร์ เรื่องนี้มีความจริงแค่ไหน? อาจจะต้องใช้วิจารณญาณกันซักนิด ใตร่ตรองดูก็ คอนเท็นเหล่านั้นก็น่าจะพอดูออก ยิ่งได้ทราบว่า เจ้าพ่อโซรอส ได้มีโอกาสซื้อหุ้น Netflix ก็ยิ่งมีความชัดเจน ยิ่งขึ้น ว่าทำไม สารคดี ปฎิวัติร่มเหลือง ถึงไปโพล่ใน Netflix ได้…
สารคดี ปฎิวัติร่มเหลือง ใน Netflix … พูดไปแล้ว ผู้ใหญ่อาจจะมองว่า เด็กๆ อาจจะไม่สนใจ …แต่ เด็กสมัยนี้อาจจะไม่เหมือน ที่รุ่น เบบี้บูม คาดไว้ … เพราะสำหรับเยาวชนที่เกิดมาท่ามกลาง ความมืดมิดของประวัติศาสตร์ที่สับสน และสงครามข่าวลือที่ออกมามากมาย …กลายเป็นว่าเด็กๆเหล่านี้กระหายที่จะได้รับรู้เรื่องราว ทั้งประวัติศาสตร์ และข่าวราชสำนักฯ ที่ ผู้ใหญ่หลายๆคน ไม่คิดว่าพวกเขาจะสนใจ… มีเด็กดีๆหลายคนในสมัยนี้ ที่เดินเข้าไปในหอสมุดแห่งชาติ อ่านประวัติศาสตร์ชาติ แบบลึกถึงแก่นก็มีไม่น้อย… แต่ก็มีเด็กอีกจำนวนมากที่ไปไม่ถึงแหล่งความรู้เหล่านั้น ต้องใช้สื่อการสอน และครูที่ดีๆแนะนำ …ถ้าได้ครูดี ก็ดีไป แต่ถ้าครูแย่ๆ และสื่อการสอนที่เสี้ยมแทงประเทศ ก็จะทำให้ เด็กเกิดความผิดพลาดในการรับรู้ได้
ดังนั้น ในกรณี สารคดี ปฎิวัติร่มเหลือง ใน Netflix อาจสร้างมุมมองอีกแบบรวมไปถึงพฤติกรรมลอกเลียนแบบซึ่งพวกนี้ตะหากที่น่ากลัว เพราะเยาวชน ยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่ดีพอในการที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็นหรือหยิบยกเรื่องราวต่างๆมาเป็นสำนึกในใจ ดังนั้น สื่อที่เจาะกลุ่มตรงไปที่เด็กเหล่านี้ เปรียบได้เสมือน เข็มฉีดยาที่ฉีดประเด็นตรงสู่กลุ่มเป้าหมายโดยที่สังคมขนาดใหญ่ไม่รับรู้
ปฎิวัติร่มเหลือง จะเป็นยังไงต่อไป? พรรคเดโมซิสโต ของโจชั่วหว่อง จะเดินหน้ายังไงต่อไปไม่มีใครไม่รู้ … แต่มันอาจจะเป็นต้นแบบ ของพรรคอนาคตใหม่ ก็เป็นไปได้
เพราะกลุ่มสมาชิก อนาคตใหม่ หลายคนที่เข้าไปอยู่ในระบบปาตี้ลิสนั้น ก็มาจากเครือข่าย เยาวชน ที่ไป อุ้ม โจชัวหว่อง ในวันนั้น เช่น รังสิมันต์ โรม เป็นต้น
แต่บางคนก็กระจายไปอยู่องค์กรอื่นๆ เช่น เนติวิทย์ไปเป็น กรรมการ ของ แอมเนสตี้ ไทย…เพนกวิ้น ไปตั้งกลุ่มสหภาพนักเรียนฯ รับจ้างประท้วง พร้อมเปิดบัญชี ธนาคารกรุงไทยไว้ให้ฟันดิ้ง!
แต่ที่แสบกว่า คือ นาย พริษฐ์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อดีต กรรมการแอมเนสตี้ ซึ่งเป็นทายาทคณะราษฎร ตัวแทบผู้ที่พยายามก่อการประท้วงทุก 24 มิถุนามาตลอดนั้น กระโดดเข้าไปทำงานด้านเยาวชนให้ NEWDEM แม้ ปชป. รวมไปถึง ทีม คุณ กรณ์ ที่เคยปรากฏในรูปคู่ นาย พริษฐ์ นั้นก็ออกมาให้การปฏิเสธสุดตัวว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางคุณกรณ์แต่อย่างใด ตั้งแต่ก่อนจะมีการเลือกตั้ง ปี 2562
แต่ก็มีข่าวลือออกมาตลอดว่า เยาวชนกลุ่ม ของพรรคอนาคตใหม่ ที่แตกตัวออกมานั้นได้เข้ามาทำงานให้กับ NEWDEM หลายคน
และ จาก การที่ โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา หนึ่งในสมาชิกกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเข้าไป ป่วน หมอวรงค์ ภายในพรรคปชป.ด้วยการไปนั่งฟัง การคิดคำนวณการตัดสินของกกต. รวมไปถึงการที่นาย นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ พยายามเข้าไปประท้วง ปชป.ให้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยก็พอจะเป็นภาพของเกมของการพยายามดึง ปชป. “เข้าสู่ด้านมืด” ของใครบางคน!ซึ่งถือว่าน่าจับตามากนะครับ!
เราก็ไม่ทราบแน่ชัดว่า ปชป.นั้นได้ล่วงรู้กับสิ่งเหล่านี้หรือไม่? เพราะระยะหลังๆ NEWDEM ก็มีแนวโน้มออกความคิดไม่เอาทหารคล้าย อนาคตใหม่ สาขาสองก็ไม่ปาน …
ล่าสุดเรื่องเจ้าหน้าที่ทูตจากต่างประเทศ ที่มาสังเกตการณ์ คดี ที่มีการแจ้งความ นาย ธนาธร ผู้นำพรรคอนาคตใหม่ กระทำผิดในหลายคดี ทั้งคดี ที่เกี่ยวโกงกับการเลือกตั้งอย่างกรณี โอนหุ้น วีลัค มีเดียผิดกฎการเลือกตั้ง และ การให้ความช่วยเหลือผู้กระทำผิดในคดี ของ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เมื่อปีก่อน ก็ดูเหมือนจะมีจุดเชื่อมโยงกันไม่น้อย
เพราะ เจ้าหน้าที่ทูตจากต่างประเทศ เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง และ ได้เข้าไปสังเกตการณ์ใน คดีของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง มาตั้งแต่ ปี 2559 แล้ว อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ทูตจากต่างประเทศ เหล่านี้ หลายๆคน กลับมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานเสวนาด้านสิทธิมนุษย์ชน ที่เกี่ยวข้องกับ กองทุน National endowment for democracy , Amnesty international และ มูลนิธิ heinrich böll stiftung ที่เคลื่อนไหวใน ประเทศไทย มานาน และองค์กรเหล่านี้ก็ดันมีส่วนเกี่ยวของกับนายโซรอส อย่างชัดเจน
แม้ว่า เจ้าหน้าที่ทูตจากต่างประเทศ แม้จะเข้าไปสังเกตคดีความต่างจะ ไม่มีสิทธิแสดงความคิดเห็น เพราะจะเป็นการแทรกแซงคดีความ อันเป็นความผิดมารยาททางการทูต
สิ่งที่พวกทำเลย เลือกที่จะจัดเสวนาวงปิดในสถานศึกษาในท้องถิ่นต่างๆโดยอ้างว่าเป็นไปเพื่อการศึกษา เป็นไปตามยุทธศาสตร์ ตั้ง barrackในโรงเรียน
ดังนั้น นี่น่าจะเป็นเรื่องราวที่เป็น ปรากฏการณ์อันเป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ใน Global warfare อย่างชัดเจน โดยที่มี คนไทยบางคน กล้าที่จะเป็นทาส ทำลายชาติตัวเอง
……
ขอนำเพลง อย่าแยกแผ่นดิน มาเปิดประกอบบทความนะครับ
อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก
อย่าแยกแผ่นดิน อย่าทำลายถิ่น
ที่ทำกิน อยู่อาศัย อย่ามุ่งขายชาติ
ให้พินาศ เพื่อปัจจัย
อย่าปองฝันใฝ่คิดเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
อย่าลืมเชื้อชาติ อย่าขาดซื่อสัตย์
อย่าขัดในศีล อย่าคิดดูหมิ่น ชาติแผ่นดิน
ถิ่นเกิดกาย อย่าทำแหงห้าว
ไม่รู้เท่า ชีพจะวาย
อย่าคอยมุ่งร้าย บ่อนทำลาย ไทยด้วยกัน
ไทยไม่รักไทย แล้วจะให้ใคร คุ้มครองเขตขันธ์
ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เอกราชต้องอยู่ยืนนาน
ไม่สามัคคีกัน ชาติอยู่รอดอย่างไร
อย่าเพลินหลงผิด อย่าคิดผลาญเผ่า
อย่าเฝ้าใส่ไฟ อย่าหวังเป็นใหญ่
สิ้นชาติไทย อยู่ได้หรือ
อย่าเป็นเหมือนทาส คนขายชาติ
ต้องสิ้นชื่อ อย่าให้ใครยื้อ
แยกแผ่นดิน ถิ่นชาติไทย