“อาเบะ” ส่อเค้า “อาแบะ”กระทรวงคลังญี่ปุ่นยอมรับ แก้เอกสารช่วยภริยานายกฯแรงกดดันถาโถมเข้าใส่นายกรั
ฐมนตรีชินโซ อาเบะ เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เพื่อให้ “แสดงความรับผิดชอบ” หลังกระทรวงการคลังยอมรับมี
“ความเปลี่ยนแปลง” ในเนื้อหาบางส่วนของเอกสารก
ารซื้อขายที่ดินอื้อฉาว เอื้อประโยชน์ถึงภริยานายกร
ัฐมนตรีญี่ปุ่น
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ว่านายฮิโรชิ โมริยามะ ผู้อำนวยการฝายประสานงานประจำรัฐสภาญี่ปุ่น หรือสภาไดเอท ของพรรคเสรีประชาธิปไตย ( แอลดีพี ) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ กล่าวเมื่อวันจันทร์ เกี่ยวกับการได้รับการยืนยันจากรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ว่ากระทรวงการคลังปรับแก้เนื้อหาบางส่วนในเอกสารการซื้อขายที่ดิน ซึ่งเป็นชนวนของข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนและการเล่นพรรคเล่นพวก ที่ส่งผลต่อคะแนนนิยมของอาเบะอย่างชัดเจนตั้งแต่ปีที่แล้ว ก่อนนำเสนอต่อสภาไดเอท
ทั้งนี้ นายโมริยามะยังปฏิเสธลงลึกในรายละเอียด แต่สื่อหลายแห่งของญี่ปุ่นรวมถึงสถานีโทรทัศน์อาซาฮี และหนังสือพิมพ์ไมนิชิ รายงานไปในทางเดียวกัน ว่าการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในเอกสารสำคัญดังกล่าวเกิดขึ้นประมาณปลายเดือนก.พ. ปีที่แล้ว โดยเป็นการนำชื่อของนางอากิเอะ อาเบะ ภริยาของนายกรัฐมนตรี ออกจากรายงานทั้งหมด เข้าข่ายเป็น “การเจตนาปกปิด” เพื่อให้ความช่วยเหลือนางอาเบะ ซึ่งเคยถูกทาบทามให้รับตำแหน่งผู้บริหารกิตติมศักดิ์ของโรงเรียนเอกชน “โมริโมโตะ” ซึ่งสามารถซื้อที่ดินผืนหนึ่งของรัฐ “ได้ในราคาพิเศษ” ที่ถูกกว่าราคาปกติถึง 10 เท่า
ต่อมาในเดือนก.ค. ปีเดียวกัน เจ้าหน้าที่จับกุมนายยาสึโนริ คาโกอิเคะ และภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของสถาบันโมริโมโตะ ในข้อหารับเงินสนับสนุนจากรัฐ “ด้วยวิธีการมิชอบ” แม้ผู้นำญี่ปุ่นและภริยายืนกรานปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีอื้อฉาวนี้มาตลอดแต่สถานการณ์ยิ่งตึงเครียด เมื่อนายโนบุฮิสะ ซางาวะ ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสรรพากรแห่งชาติ “อย่างกะทันหัน” เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังแถลงเรื่องดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎร และเป็นวันเดียวกับที่สื่อหลายแห่งรายงานการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รายหนี่งของกระทรวงการคลัง ซึ่งมีหน้ารับผิดชอบการจัดทำเอกสารฉบับนี้ เบื้องต้นพนักงานสืบสวนสันนิษฐานเป็นการฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตาม นายอาเบะและนายทาโร อาโสะ ยังคงปฏิเสธลาออกจากตำแหน่งรมว.กระทรวงการคลัง ในขณะที่หนังสือพิมพ์โยมิอุริเผยผลสำรวจความคิดเห็นชาวญี่ปุ่นที่มีต่อนายกรัฐมนตรี ว่าอยู่ที่ 48% ต่ำที่สุดนับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อกลางเดือนต.ค. ปีที่แล้ว และ 8 ใน 10 ของกลุ่มตัวอย่าง 1,036 คน มองว่าท่าทีของรัฐบาลต่อกรณีอื้อฉาวครั้งนี้ “ไม่เหมาะสม”.