มีบรรดาแฟนนานุแฟนถามผมว่าทำไมผมไม่ขยับตัวเขียนเรื่องการ ประชุมเศรษฐกิจภูมิภาคตะวันออก (Eastern Economic Forum: EEF) ครั้งที่ 4 ที่เมืองวลาดิวอสตอคของรัสเซียเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ครับ ผมเขียนแน่เพียงแต่รอเวลาให้ข่าวมีเนื้อหามากพอก่อนเท่านั้นแล้วจะรวบรวมจากสื่อหลักหลายสำนักเอามายำเป็นเรื่อเดียวให้อ่านกันง่ายๆ

เมื่อวันก่อนผมก็เขียนเรื่อง ปธน.ปูตินจูบปากกับนายชินโซะ อาเบะ ว่าจะพัฒนาเศรษฐกิจไปด้วยกันโดยเริ่มจากพื้นที่พิพาทหมู่เกาะคูริลก่อนไปแล้ว เพียงแต่ผมไม่ได้บอกว่าคุยกันที่การประชุมครั้งนี้เท่านั้น ส่วนไฮไลท์เรื่องที่ ปธน.สี กับ ปธน.ปูติน จะคุยทวิภาคีอะไรกันนั้นผมยังไม่ได้สรุป แต่แน่นอนว่าต้องมีเรื่องความผันผวนของโลกใบนี้แน่ๆ และตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมาทั้งจีนและรัสเซียดูเหมือนจะแบ่งงานตามที่ตัวเองถนัด รัสเซียนั้นดูแลเรื่องสมดุลของแสนยานุภาพของสหรัฐในตะวันออกกลาง ส่วนสงครามเศรษฐกิจนั้นเป็นหน้าที่หลักของจีน ทั้งสองต่างก็ประกาศร่วมกันว่าความผันผวนของสถานะการณ์โลกนั้นทั้งรัสเซียและจีนยังคงยืนหยัดที่จะร่วมมือกันปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพของโลก

สำนักข่าวซินหัวได้ลงข้อที่ สีจิ้นผิง ได้บอกกับ ปูติน ว่า
“การติดต่อสื่อสารอย่างใกล้ชิดในระดับสูงระหว่างจีนและรัสเซียชี้ชัดว่าความสัมพันธ์ทวิภาคีอยู่ในระดับสูงและมีสถานะอันพิเศษไม่เหมือนใคร รวมถึงแสดงว่าทั้งสองประเทศให้ความสำคัญทางการทูตต่อกันและกันอย่างสูงสุด”
“ด้วยความทุ่มเทจากทั้งสองฝ่าย ข้อได้เปรียบทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-รัสเซียได้กลายมาเป็นผลประโยชน์ด้านความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมชัดเจนและเกิดขึ้นต่อเนื่อง”

ส่วน ปูติน นั้นก็ได้ตอบกลับไปว่า
“ประธานาธิบดีสีและผมมีการติดต่อแลกเปลี่ยนกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ระดับสูงระหว่างรัสเซียและจีน” ปูตินกล่าวพร้อมยกย่องความสัมพันธ์ทวิภาคีที่พัฒนาไปด้วยดีในช่วงหลายปีมานี้ ความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างจีนและรัสเซียก็เติบโตและแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงความร่วมมือในหลากหลายด้านเช่น การเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคง ล้วนส่งผลประโยชน์อย่างดีมาตลอด”

หลังจากวันนี้คงได้เห็นนโยบาย หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ของจีนและ สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union : EaEU) ของรัสเซียน่าจะมีการเชื่อมประสานกัน อย่างน้อยรัสเซียและจีนต่างก็ได้ผลประโยชน์ของเส้นทางรถไฟที่จะไปยุโรปร่วมกัน ทั้งเส้นทางยุโรปใต้และยุโรปเหนือ และสิ่งที่ทั้งสองประเทศร่วมมือกันมาหลายปีแล้วนั่นก็คือ จีนมีเงิน รัสเซียมีเทคโนโลยีและพลังงาน ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียหยุดเลือดไหลเมื่อสองปีก่อนก็เพราะมีจีนเข้าไปพยุงทุกวิถีทางแม้กระทั่งประกาศว่าจะซื้อพลังงานล่วงหน้าจากรัสเซีย 30 ปีทำให้ทั้งโลกรู้ว่าเวลานี้รัสเซียมีเงินสดอยู่ก้อนใหญ่พอสมควรในกระเป๋า สภาพคล่องกลับมาอีกครั้ง แล้วเลือดก็หยุดไหลเงินรูเบิลก็เริ่มเงยหัวขึ้นมา ในช่วงห้าปีที่ผ่านมานั้นกองทัพจีนพัฒนาแบบก้าวกระโดดก็เพราะเทคโนโลยีของรัสเซีย เมื่อรัสเซียมีปัญหาเรื่องการโดนแซงชั่นไม่เลิกจากสหรัฐรวมถึงการสร้างปัญหาในเส้นทางโอนเงินอีเลคโทรนิกของ SWIFT (Society of Worldwide Interlink Financial Telecommunications) จีนก็ช่วยเหลือโดยใช้ช่องทางของจีนเองให้รัสเซียผ่านในนามของจีน

ในการประชุมครั้งนี้มีเรื่องน่าสนใจอีกหลายเรื่องครับ แล้วผมจะเอามาขยายความให้อ่านเป็นเรื่องๆ ไป เพราะญี่ปุ่นนั้นเปลี่ยนท่าทีแบบกลับลำหลายเรื่องโดยหันมาทางจีนและรัสเซียมากขึ้นจนเห็นได้อย่าชัดเจน

เครดิตภาพ รอยเตอร์ สีและปูตินลงมือเป็นเชฟกะทะเหล็ก ทำแพนเค็กใส่คาเวียกินกันในงานเลี้ยงส่วนตัวหลังประชุม