ตราตรึงคนไทยมาตั้งแต่ พ.ศ.2547

ผลงานของ อิทธิสุนทร วิชัยลักษณ์
ผู้ได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือชีวประวัติของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปะบรรเลง)

งานเขียนของอานันท์ นาคคง (อาจารย์หน่อง) ผู้ก่อตั้งวงกอไผ่

และอัษฎาวุธ สาคริก (อาจารย์เอ้)ลูกหลานหลวงประดิษฐไพเราะ
ณ บัดนี้ทั้งสองคน รวมทั้ง
มิตรร่วมวงได้กลายเป็นครูดนตรีชั้นแนวหน้าไปหมดแล้ว

โหมโรงยุคแรก
จากการนำแสดงของอนุชิต สพันธุ์พงษ์+อดุลย์ ดุลยรัตน์+ณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า(ขุนอิน) +พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง เรียกน้ำตาจากคนดูทั้งโรง

เป็นน้ำตาแห่งความดื่มด่ำซาบซึ้งใจเมื่อได้เห็นความงามและคุณค่าของดนตรีไทยอย่างแจ่มชัดชนิดไม่ต้องมีใครมาชี้นำ

เครื่องดนตรีที่เรียกว่าระนาดขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนทำแทบไม่ทัน

เด็กๆได้รับแรงบันดาลใจอยากเล่นระนาดกันถ้วนหน้า

พ.ศ.2555 โหมโรงกลายเป็นละครโทรทัศน์ ฉายทางไทยพีบีเอส

พ.ศ.2558 มีการนำโหมโรงมาทำเป็นละครเวทีโดยกลุ่มโต๊ะกลม ผลปรากฏว่าคนดูแน่น ต้องเล่นซ้ำ

พ.ศ.2561นี้ กลุ่มโต๊ะกลม ในเครือเวิร์คพอยต์ นำโหมโรงมาแสดงใหม่ในนาม “โหมโรง เดอะ มิวสิคัล 2561”

ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามแสควร์วัน (ฝั่งตรงข้ามสยามพารากอน)

เปิดประเดิมรอบสื่อมวลชนเมื่อคืน คือเมื่อค่ำวันพฤหัสที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2561

โหมโรงหนนี้ ดารานำคือ กรกันต์ สุทธิโกเศศ(อาร์ม-เล่นเป็นศร)
+ทวีศักดิ์ อัครวงษ์(เบิ่ง-แสดงเป็นขุนอิน)
+สุประวัติ ปัทมสูต(ศรตอนแก่)

คู่อาฆาตทั้งสองต้องตีระนาดประชันกันสดๆบนเวที เร้าใจไม่แพ้ภาพบนจอยักษ์

การจัดแสงสีเสียงและฉากบนเวที รวมทั้งดนตรีที่บรรเลงสดๆขอยกนิ้วให้ว่าสุดยอด
ได้บรรยากาศไม่แพ้การนั่งดูภาพยนตร์

ผมดูแล้วซาบซึ้งตรึงใจไม่แพ้คราวดูโหมโรงบนจอยักษ์

บางครั้งก็น้ำตาซึม บางครั้งก็หัวเราะ บางครั้งก็ตื้นตันจนพูดไม่ออก

เหมือนทุกๆคนที่ถูกสะกดจิตตลอดทั้ง 4 ชั่วโมง

ไปดูกันเถอะครับ เริ่มจริงๆตั้งแต่บ่าย 14.00 น.วันเสาร์ที่ 5 อาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคมและเรื่อยไปจนถึง3 มิถุนายน

จำง่ายๆว่ามีทุกบ่ายวันเสาร์-อาทิตย์

ส่วนราคาค่าบัตรผ่านประตู มีหลายราคา ตั้งแต่ 1,000 บาทไปจนถึง 3,000 บาท
รับรองนั่งสบายทุกที่นั่ง
ดูได้จากป้ายไฟฟ้าที่ผมปาดมาให้ดูแล้ว

ดูโหมโรงทีเดียว ไม่ต้องกรอกหูเรื่องความเป็นไทยให้เสียเวลา

ดูโหมโรงแล้วความเป็นไทยจะซึมซาบเข้าร่างกายและจิตวิญญาณทันที

โหมโรง เดอะ มิวสิคัล 2561